เปิดคดีจำคุก 245 ปี อดีตรองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ฮั้วประมูล

Last updated: 12 ธ.ค. 2560  |  5672 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เปิดคดีจำคุก 245 ปี อดีตรองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ฮั้วประมูล

เปิดคดีศาลอาญาคดีทุจริตฯกลาง พิพากษาจำคุก 245 ปี “ประไพศรี” ร่วมกันทุจริตจัดซื้อต้นไม้ ปรับแต่งภูมิทัศน์และอาคารกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ปี 2545

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2560 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้มีคำพิพากษาจำคุก นางประไพศรี เผ่าพันธุ์ อดีตรองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จำเลยที่ 1 รวม 49 กระทง ๆ ละ 5 ปี เป็นเวลาทั้งสิ้น 245 ปี ฐานกระทำผิดทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล)พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ที่เป็นบทหนัก แต่เมื่อรวมโทษจำคุกทุกกระทงแล้วตามกฎหมายให้จำคุกสูงสุดไว้ 50 ปี และลงโทษข้าราชการชั้นผู้ใหญ่กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กับเอกชนผู้เสนองาน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดสมยอมราคา อีกรวม 13 รายให้จำคุก คนละ 30 - 40 กระทง รวมจำคุกตั้งแต่ 100-205 ปี แต่เมื่อรวมโทษจำคุกทุกกระทงแล้วตามกฎหมายให้จำคุกสูงสุดไว้ 50 ปี

ขณะที่ศาลได้พิพากษายกฟ้อง ข้าราชการชั้นผู้น้อยประมาณ 20 รายเนื่องจากเห็นว่าเป็นเพียงผู้รับเรื่องประมูล ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสมยอมราคาและการทุจริต

คดีดังกล่าว คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดเมื่อปี 2558 และส่งอัยการสูงสุด ฟ้องดำเนินคดีนางประไพศรี อดีตรองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน, ข้าราชการในกรมและเอกชน รวมกว่า 30 ราย ร่วมกันทุจริตจัดซื้อต้นไม้ ปรับแต่งภูมิทัศน์และอาคารสถานที่ ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ระหว่างปีงบประมาณ 2543-2545 จำนวน 201 งานจ้าง หรือ 201 สัญญา เป็นเงินทั้งสิ้น 311,317,086 บาท ซึ่งมีพฤติการณ์ช่วยเหลือเอกชนรายใดรายหนึ่งให้เป็นคู่สัญญารับจ้างทำงานปรับปรุงซ่อมแซมอาคารสถานที่ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ด้วยการอนุมัติให้จัดจ้างโดยวิธีแบ่งจ้างโดยลดวงเงินที่จะจ้างในครั้งเดียวกัน เพื่อให้วงเงินต่ำกว่าที่จะจ้างโดยวิธีประกวดราคา เป็นโดยวิธีสอบราคา และเพื่อให้อำนาจสั่งจ้างเปลี่ยนแปลงไป จากที่เป็นอำนาจของอธิบดี ให้เป็นอำนาจของตนเองแทน โดยไม่มีการดำเนินการสอบราคาและแข่งขันเสนอราคากันจริง ทั้งได้ทำเอกสารการดำเนินการจัดจ้างโดยวิธีสอบราคาเป็นเท็จ ปลอมและใช้เอกสารใบเสนอราคาของเอกชนรายอื่นมาเป็นหลักฐานแข่งขันเสนอราคากับเอกชนรายที่ได้เลือกให้เป็นผู้รับจ้างทำงานนั้น 

โดย นายนิกร ทัสสโร รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ให้รายละเอียดว่า นับแต่เปิดทำการศาล คดีนี้ถือเป็นคดีแรกที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษาลงโทษจำคุกสูงสุดข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในคราวเดียวจำนวนมากกว่า 10 คนโดยส่วนใหญ่ศาลวางโทษจำคุกแต่ละคนตั้งแต่ 100 ปี จนถึง 240 ปีแต่ตามกฎหมายรวมโทษแล้วสำหรับโทษจำคุกนั้นจำคุกได้เพียง 50 ปี และขณะนี้จำเลยประมาณ 10 คนได้ถูกคุมขังในเรือนจำนับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา ทั้งนี้เนื่องจากศาลอาญาคดีทุจริตฯ และศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ประกันตัว แม้จำเลยจะได้ยื่นขอประกันตัวหลายครั้งแล้วก็ตาม อย่างไรก็ดี ในส่วนเนื้อหาของคดีจำเลยสามารถอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตได้ตามกฎหมาย ทั้งนี้เฉพาะจำเลยที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำนั้นยื่นอุทธรณ์ได้โดยไม่ต้องมาแสดงตนต่อศาลแต่อย่างใด อีกทั้งยังมีสิทธิยื่นประกันตัวใหม่ได้ และเนื่องจากคดีนี้ศาลพิพากษายกฟ้องจำเลยบางคน ดังนั้นอัยการสูงสุดโจทก์ ก็มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ในส่วนของจำเลยที่ศาลพิพากษายกฟ้องได้ด้วย

เมื่อถามถึงการชดใช้ค่าเสียหายคืนแก่รัฐ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตฯ กล่าวว่า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้เสียหายควรจะนำคำพิพากษาไปศึกษาและหากยังไม่ได้ดำเนินการเรียกค่าเสียหายก็ควรรีบดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหายคืนแก่รัฐอันเกิดจากการที่จำเลยที่ได้กระทำลง ซึ่งจริง ๆ ในทุกคดีหน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องควรติดตามคดี เพราะเมื่ออัยการสูงสุดฟ้องคดีแล้ว หน่วยงานรัฐ ผู้เสียหาย สามารถที่จะยื่นคำขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งคืนแก่รัฐเข้ามาในคดีอาญาได้โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล แต่คดีนี้ไม่ปรากฏว่าหน่วยงานของรัฐยื่นคำของทางแพ่ง ดังนั้นหลังจากมีคำตัดสินแล้วหน่วยงานรัฐอาจจะต้องไปดำเนินการเรื่องค่าเสียหายคืนแก่รัฐเป็นเรื่องใหม่ต่างหาก   

“สำหรับเจ้าหน้าที่รัฐทุกคน อยากฝากให้ปฏิบัติงานโดยสุจริตยึดถือประโยชน์ของแผ่นดินเป็นที่ตั้ง จะได้มีความภูมิใจในความเป็นข้าราชการ การทำตามระเบียบ กฎหมายอย่างเคร่งครัดนั้น เป็นสิ่งจะคุ้มครองตน อย่าใจอ่อนต่อเงินและประโยชน์ที่ไม่ชอบ อย่าใจอ่อนต่อคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่สั่งการโดยไม่ถูกต้อง เพราะท้ายที่สุดแล้วการกระทำตามคำสั่งที่ไม่ถูกต้อง จะทำให้เดือดร้อนต้องถูกดำเนินคดีอาญาได้ และเท่าที่สังเกตเมื่อต้องคดี ก็ไม่เคยเห็นผู้สั่งการให้ความช่วยเหลือทางคดี หรือช่วยประกันตัวให้” รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตฯ กล่าวย้ำ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้