พ.ร.บ. อำนาจเรียกฯ มาชี้แจงในสภาฯ มีผลบังคับใช้แล้ว 'เจ้าหน้าที่รัฐ' ไม่ส่งเอกสาร-ชี้แจง 'ผิดวินัย'

Last updated: 8 มิ.ย. 2568  |  5627 จำนวนผู้เข้าชม  | 

พ.ร.บ. อำนาจเรียกฯ มาชี้แจงในสภาฯ มีผลบังคับใช้แล้ว 'เจ้าหน้าที่รัฐ' ไม่ส่งเอกสาร-ชี้แจง 'ผิดวินัย'

ราชกิจจานุเบกษาประกาศบังคับใช้พระราชบัญญัติอำนาจเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. 2568 ‘เจ้าหน้าที่ของรัฐ’ ไม่ส่งเอกสาร-ไม่มาแถลงข้อเท็จจริง โดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้ถือว่าไม่รักษาประโยชน์ทางราชการ-เป็นความผิดทางวินัย ผู้บังคับบัญชา-มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนไม่ดำเนินการทางวินัย ให้ถือว่าจงใจที่ขัดกฎหมาย-ข้อบังคับว่าด้วยการบริหารงานบุคคลที่ผู้นั้นสังกัดด้วย

          เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อำนาจเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. 2568 ประกอบด้วย 15 มาตรา โดยให้ประธานรัฐสภารักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งสาระสำคัญอยู่ที่ มาตรา 6 วรรคหนึ่ง คณะกรรมาธิการมีอำนาจเรียกเอกสารจากบุคคลใด หรือเรียกบุคคลใดมาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความเห็นในกิจการที่กระทำหรือในเรื่องที่พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาอยู่นั้นได้

          มาตรา 6 วรรคสี่ ในกรณีที่บุคคลตามวรรคหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้ประธานคณะกรรมาธิการแจ้งให้นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีซึ่งบังคับบัญชาหรือกำกับดูแลหน่วยงานที่บุคคลนั้นสังกัดหรืออยู่ภายใต้การกำกับดูแลทราบ และให้เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีที่รับผิดชอบในกิจการที่คณะกรรมาธิการกระทำหรือในเรื่องที่พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาอยู่นั้น สั่งการให้บุคคลในสังกัดหรือในกำกับให้ข้อเท็จจริง ส่งเอกสาร หรือแสดงความเห็นตามที่คณะกรรมาธิการเรียก

          มาตรา 8 บุคคลที่ได้รับหนังสือเรียกมาแถลงข้อเท็จจริง หรือแสดงความเห็นต้องมาด้วยตนเอง เว้นแต่มีเหตุจำเป็นอันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ให้มีหนังสือขอเลื่อนหรือหนังสือมอบหมายให้บุคคลอื่นมาดำเนินการแทนพร้อมชี้แจงเหตุจำเป็นอย่างชัดเจนต่อคณะกรรมาธิการภายในสามวันทำการนับแต่วันที่ได้รับหนังสือเรียก

          มาตรา 13 นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีผู้ใดไม่สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของรัฐในสังกัดหรือในกำกับส่งเอกสาร หรือมาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความเห็นตามหนังสือเรียกของคณะกรรมาธิการตามมาตรา 6 วรรคสี่ ให้ประธานคณะกรรมาธิการมีหนังสือแจ้งประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา หรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี

          เพื่อแจ้งไปยังนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีผู้นั้นให้มาแถลงหรือชี้แจงเหตุผลในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือรัฐสภา เว้นแต่อยู่นอกสมัยประชุมให้ส่งคำชี้แจงเหตุผลเป็นลายลักษณ์อักษรต่อประธานสภา ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง แล้วแต่กรณี

          มาตรา 14 เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดไม่ส่งเอกสาร หรือไม่มาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความเห็นตามที่คณะกรรมาธิการเรียกตามมาตรา 7 หรือมาตรา 8 โดยไม่มีเหตุอันสมควร หรือจงใจส่งเอกสารหรือให้ข้อเท็จจริงหรือแจ้งข้อความอันเป็นเท็จหรือแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อคณะกรรมาธิการซึ่งกระทำการตามหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ถือว่าไม่รักษาประโยชน์ทางราชการและเป็นความผิดทางวินัย

          เมื่อมีกรณีตามวรรคหนึ่ง ให้ประธานคณะกรรมาธิการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมาธิการมีหนังสือแจ้งไปยังผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการทางวินัยตามหน้าที่และอำนาจต่อไป และแจ้งให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา หรือประธานรัฐสภาแล้วแต่กรณีทราบด้วย

          ถ้าผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนไม่ดำเนินการทางวินัยหรือไม่ดำเนินการตามวรรคสาม ให้ถือว่าผู้บัญชาการหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนจงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อกฎหมายหรือกระทำผิดวินัยตามกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับว่าด้วยการบริหารงานบุคคลที่ผู้นั้นสังกัดด้วย

          ทั้งนี้ หมายเหตุ ท้ายประกาศ ระบุว่า เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 129 กำหนดให้คณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภามีอำนาจเรียกเอกสารจากบุคคลใด หรือเรียกบุคคลใดมาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความเห็นในกิจการที่กระทำหรือในเรื่องที่พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาอยู่นั้นได้ และกำหนดผลบังคับทางกฎหมายเป็นมาตรการเชิงบังคับ โดยให้เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีที่รับผิดชอบในกิจการที่คณะกรรมาธิการสอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาที่จะต้องสั่งการให้เจ้าหน้าที่ของรัฐในสังกัดหรือในกำกับ ให้ข้อเท็จจริง ส่งเอกสาร หรือแสดงความเห็นตามที่คณะกรรมาธิการเรียก ซึ่งเปลี่ยนแปลงหลักการและสาระสำคัญเกี่ยวกับอำนาจของคณะกรรมาธิการที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550

          ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินกิจการในการสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐสภาตามหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมาธิการมีกลไกและผลบังคับทางกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับหลักการและสาระสำคัญเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมาธิการในกิจการที่กระทำหรือในการสอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาเรื่องใด ๆ ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

          อ่านเอกสารฉบับเต็ม : พระราชบัญญัติอำนาจเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. 2568

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้