Last updated: 28 พ.ค. 2568 | 2782 จำนวนผู้เข้าชม |
ทีวีดิจิทัลระทม! กสทช.ยื้อแผนฟื้นอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการส่อแห้งตาย รับมือ OTT ไม่ทัน-ใบอนุญาตใกล้หมด ยังไร้ทิศทาง
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (ประธาน กสทช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กสทช. ได้มอบหมายให้ สำนักงาน กสทช. ไปศึกษาฉากทัศน์เพิ่มเติมเชิงลึก ใน วาระ 4.19 แนวทางการดำเนินการจากผลการศึกษาโครงการจ้างที่ปรึกษาศึกษาฉากทัศน์ กิจการแพร่ภาพกระจายเสียงในอนาคตของไทย ภายใต้สภาพแวดล้อมของอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป และให้รายงานกลับมาภายใน 60 วัน
หลังมีการรายงานผลการศึกษาจากโครงการจ้างวิเคราะห์ฉากทัศน์ธุรกิจทีวี พบหลากหลายแนวทางที่อาจเกิดขึ้นได้ภายหลังใบอนุญาตหมดอายุในปี 2572 จะเหลือสถานีโทรทัศน์กี่ช่อง และควรดำเนินนโยบายใดจึงจะช่วยให้ผู้ประกอบการยังอยู่รอดได้ โดยไม่เป็นภาระเกินไป เช่น การลดภาระต้นทุนมักซ์ หรือ โครงข่ายทีวีดิจิทัล เพื่อไม่ให้มีภาระมากเกินไป, การผ่อนปรนเงื่อนไข USO ซึ่งเป็นภาระของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล เป็นต้น
ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ กล่าวว่า แนวทางหลังสิ้นสุดใบอนุญาตในปี 2572 การแก้กฎหมายเพื่อยกเลิกการประมูลยังเกินอำนาจของ กสทช. เพราะต้องผ่านกระบวนการของรัฐสภา แต่เชื่อว่า กสทช. จะสามารถใช้อำนาจตามกรอบเดิมที่มีอยู่เพื่อบริหารจัดการได้โดยไม่ต้องแก้กฎหมาย
ส่วนแนวคิดการจัดตั้งแพลตฟอร์มทีวีแห่งชาติ ซึ่งเป็นข้อเสนอจากผู้ประกอบการเพื่อสร้างแพลตฟอร์ม OTT เป็นของตัวเอง ทดแทนทีวีดิจิทัลที่ยังไร้ทิศทางนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวในระดับที่ประชุม กสทช. ต้องรอผลสรุปจากสำนักงาน กสทช. ภายใน 60 วันก่อน แต่ยืนยันว่า ทีวีไทยไม่ล่มสลายแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 08.30 น. ตัวแทนสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) นำโดย นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ อุปนายกสมาคมฯ นายชาคริต ดิเรกวัฒนชัย อุปนายกสมาคมฯ และนายเดียว วรตั้งตระกูล กรรมการและเลขานุการและนายทะเบียนสมาคมฯ เดินทางเข้ายื่นหนังสือขอบคุณ ประธาน กสทช. หลังจัด Focus Group เมื่อ 26 พ.ค.68 เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นที่จะนำไปประกอบการจัดทำ (ร่าง) แผนที่นำทาง (Roadmap) กิจการโทรทัศน์และการแพร่ภาพและเสียงของประเทศไทย
นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า ทราบว่า ที่ประชุม กสทช. จะมีการพิจารณา 2 วาระสำคัญที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการกำหนดทิศทางในช่วงเปลี่ยนผ่านของกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล ก่อนการสิ้นสุดใบอนุญาตในเดือน เม.ย.72 ซึ่งจำเป็นต้องมีการเตรียมพร้อมอย่างเป็นระบบ และต้องมีนโยบายที่ชัดเจน เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัลสามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภค เพราะปัจจุบันคนยังคงดูทีวี แต่ช่องทางการรับชมทีวีที่เดิมเป็นระบบภาคพื้นดิน 100% เหลือเพียงแค่ประมาณ 15% ในปัจจุบัน เพราะเปลี่ยนไปรับชมทีวีผ่านแพลตฟเร์มสตรีมมิ่ง หรือ OTT (over-the-top) มากขึ้นแทน
หากวันนี้มีการเริ่มพิจารณาในสิ่งที่ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลได้เรียกร้องและให้ความเห็นมาตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และคาดว่าในไตรมาส 3-4 ของปีนี้ ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลจะได้เตรียมตัว และวางแผนธุรกิจ ก่อนจะใบอนุญาตจะหมดอายุในอีก 4 ปีข้างหน้า รวมถึงผู้ประกอบการโครงข่าย ก็จะได้เตรียมตัวและวางแผนเช่นกัน เนื่องจากจะหมดอายุก่อนทีวีดิจิทัล 1 ปี หรือในอีก 3 ปีข้างหน้า
แต่ที่ผ่านมาผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ได้รับเพียงคำพูดลอยๆ จาก กสทช. ทำให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ไม่สามารถวางแผนอนาคตได้ เพราะปัจจุบัน ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็ว แต่ยังมีเรื่องภาวะเศรษฐกิจ และกำแพงภาษีสหรัฐที่กำลังจะส่งผลอันใกล้ ทำให้กระทบต่อเม็ดเงินโฆษณาในอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัล และส่งผลต่อเนื่องทำให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลหลายช่อง จำเป็นต้องปรับลดเงินเดือนพนักงาน และเลิกจ้างพนักงาน ซึ่งก็ส่งผลกระทบต่อคุณภาพงานข่าว งานละครให้ลดลงด้วย
"ส่วนตัวกังวลว่า วาระของทีวีดิจิทัลจะไม่ได้รับการพิจารณาในวันนี้ เนื่องจากทราบว่าอาจมีวาระอื่นเข้ามาแทรก ซึ่งหลังจากนี้ก็จะติดตามทวงถามกับทาง กสทช. ต่อไป ทั้งนี้ หากที่ประชุม กสทช. ไม่มีการพิจารณาวาระของทีวีดิจิทัลจริง ก็มีการประเมินถึงอนาคตของทีวีดิจิทัล ว่าอาจถึงคราวล่มสลายได้" นายอดิศักดิ์ กล่าว
สำหรับนโยบายการขับเคลื่อนกิจการโทรทัศน์ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของ ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. ด้านกิจการโทรทัศน์ มี 4 เรื่อง ประกอบด้วย
แนวทางแรกคือ การกำกับดูแลบริการเสริมบนแพลตฟอร์ม OTT ที่ให้บริการแพร่ภาพและกระจายเสียงผ่านอินเทอร์เน็ต โดยได้จัดทำร่างประกาศ กสทช. เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การกำกับดูแลแบบเท่าที่จำเป็น โดยร่างประกาศฉบับนี้อยู่ระหว่างการรอเข้าสู่ขั้นตอนรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ และบรรจุเข้าวาระการประชุมของ กสทช.
นโยบายถัดมาเป็นการสนับสนุนการผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์ต่อสังคม เช่น รายการสำหรับเด็ก รายการที่ส่งเสริมความหลากหลาย วัฒนธรรม และเนื้อหาที่มีศักยภาพในการผลิตร่วมกับต่างประเทศ โดยร่างประกาศตามมาตรา 52 ได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะแล้ว และเคยถูกบรรจุเข้าวาระประชุมเมื่อ 10 ต.ค.66 แต่ภายหลังประธาน กสทช. มีคำสั่งให้สำนักงานไปพิจารณาประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับกองทุนฯ ก่อนเสนอเข้าอีกครั้ง
ในประเด็นการส่งเสริมการรวมกลุ่มของผู้รับใบอนุญาต ผู้ผลิตรายการ และผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน ร่างประกาศฉบับนี้ก็ผ่านการรับฟังความคิดเห็นตั้งแต่ เดือน ก.ค.66 แต่ยังไม่เข้าสู่วาระการประชุมเช่นกัน เนื่องจากต้องรอการหารือประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับกองทุนฯ ตามคำสั่งประธาน กสทช.
ขณะเดียวกัน การปรับปรุงหลักเกณฑ์ส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบกิจการชุมชนให้มีคุณภาพ ทั้งในกิจการวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ ก็ยังอยู่ในระหว่างการรอบรรจุวาระการประชุม โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับชุมชนที่มีความพร้อม ให้สามารถเป็นสื่อกลางที่เข้มแข็งและยั่งยืนในพื้นที่ได้