สมาคมสื่อช่อสะอาด ทำหนังสือขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่สั่งให้ทบทวนการยกเลิกการทดลองออกอากาศวิทยุกระจายเสียง

Last updated: 17 มี.ค. 2565  |  11451 จำนวนผู้เข้าชม  | 

สมาคมสื่อช่อสะอาด ทำหนังสือขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่สั่งให้ทบทวนการยกเลิกการทดลองออกอากาศวิทยุกระจายเสียง

สมาคมสื่อช่อสะอาด ทำหนังสือขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่สั่งให้ทบทวนการยกเลิกการทดลองออกอากาศวิทยุกระจายเสียงในระบบเอฟเอ็ม

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2565 เวลา 08.30 น. ณ ห้องประชุม 302 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายสุทนต์ กล้าการขาย นายกสมาคมสื่อช่อสะอาด ได้มอบหนังสือถึง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยมีนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี นายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทนจากคณะทำงานนายกรัฐมนตรี ผู้แทนจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้แทนจากกรมประชาสัมพันธ์ ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ผู้แทนจากบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) รับมอบหนังสือแสดงความขอบคุณ กรณีที่ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนแนวทางการทดลองออกอากาศวิทยุกระจายเสียงในระบบเอฟเอ็ม เครื่องส่ง 500 วัตต์ เสาส่งสูง 60 เมตร เพื่อไม่สร้างภาระเกินสมควรแก่ผู้รับอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง โดยคำนึงถึงข้อท้วงติงของสังคมอย่างรอบด้านและยึดประโยชน์สูงสุด อีกทั้งเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการสื่อสารระหว่างประชาชนสู่ภาครัฐเพื่อการพัฒนาที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน นั้น

นายสุทนต์ กล้าการขาย นายกสมาคมสื่อช่อสะอาด กล่าวว่า ขอแสดงความขอบคุณอย่างยิ่ง ที่ท่านนายกรัฐมนตรีฯ ได้ให้ความสำคัญต่อข้อห่วงใยต่างๆ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการรับรู้และความเข้าใจต่อการดำเนินงานระหว่างประชาชนกับชุมชน และชุมชนกับหน่วยงานของภาครัฐ อันจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติต่อไป

"...จากกรณีที่สมาคมสื่อช่อสะอาด พร้อมเครือข่ายได้เคยมีหนังสือถึงศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เพื่อขอให้พิจารณาระงับหรือชะลอการประกาศใช้พระราชกฤษฎีการ ตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2562 มาบังคับใช้ ซึ่งสถานีวิทยุชุมชน จำนวน 4,130 สถานี ทั่วประเทศ เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงให้ออกอากาศที่กำลังส่ง 500 วัตต์ ถึงวันที่ 3 เมษายน 2565 และจากนั้นให้ออกอากาศด้วยกำลังส่งต่ำเหลือเพียง 50 วัตต์ ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2565 จนถึงปี พ.ศ. 2567 จากการลดกำลังส่งดังกล่าว ส่งผลต่อการนำข้อมูลข่าวสารภาคประชาชน ที่ออกอากาศในชุมชนต่างๆ ทำให้การสร้างการรับรู้แก่ประชาชนไม่ทั่วถึง กลุ่มเครือข่ายจึงรวมตัวกันและส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล โดยประสานผ่าน นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการหารือและประสานงานกับ กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นที่เรียบร้อย ภายหลังทาง กสทช. ได้พิจารณาทบทวนเรื่องดังกล่าว จึงได้ออกประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เรื่อง หลักเกณฑ์ว่าด้วยการทดลองออกอากาศวิทยุกระจายเสียงในระบบเอฟเอ็ม โดยให้วิทยุชุมชนผู้ได้รับใบอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง ยังคงออกอากาศที่กำลังส่ง 500 วัตต์ ได้ต่อไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567..."

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยเครือข่ายภาคประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทุกกลุ่ม รวมถึงกลุ่มเครือข่ายวิทยุชุมชน ที่ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงของภาครัฐ เชื่อมโยงระหว่างรัฐกับประชาชนในชุมชนผ่านการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ จึงได้สั่งการให้ตนเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือพี่น้องเครือข่ายที่ได้รับความเดือดร้อนดังกล่าว ตนได้ประสานงานไปยัง กสทช. เพื่อพิจารณาทบทวนการขยายระยะเวลาอนุญาตให้วิทยุชุมชนออกอากาศด้วยกำลังส่ง 500 วัตต์ ซึ่งทาง กสทช. เร่งดำเนินงานให้ทันที โอกาสนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายแก่เครือข่ายวิทยุชุมชน โดยขอให้ปรับตัวสู่การเปลี่ยนแปลงตนเองให้เป็นมาตรฐานภายใต้การควบคุมดูแลของ กสทช. และทำงานเพื่อสังคมและผลประโยชน์ของประเทศชาติ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ข้อเท็จจริง โดยคำนึงถึงประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก ชี้นำสังคมในทางที่ถูกต้องและร่วมสร้างสังคมให้มีความเข้มแข็ง สามัคคี เพื่อความเป็นปึกแผ่นของคนในชาติ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้