Last updated: 19 ธ.ค. 2562 | 1948 จำนวนผู้เข้าชม |
นายกรัฐมนตรีย้ำกลไกระดับพื้นที่ ลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนน แนะผู้ขับขี่ เคารพกฎหมาย มีวินัย ร่วมกันลดอุบัติเหตุ
วันที่ 16 ธันวาคม 2562 ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดและมอบนโยบายด้านความปลอดภัยทางถนน โดยศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ตลอดจนภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันจัดงานขึ้นในวันนี้ โดยมีพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน พร้อมด้วย ปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า ผู้ว่าราชการจังหวัด หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคีเครือข่าย สื่อมวลชนและผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงอุบัติเหตุทางถนนว่า เป็นปัญหาที่สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นที่ประเมินค่าไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจและส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งทั่วโลกได้ตระหนักถึงปัญหานี้ ซึ่งในส่วนของรัฐบาลได้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยให้ความสำคัญแก่การป้องกันและแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุทางถนนแบบองค์รวม ทั้งระดับส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และท้องถิ่น โดยทำควบคู่ไปกับการสร้างเครือข่ายความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายขับเคลื่อนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทยตามปฏิญญามอสโค โดยกำหนดให้ปี พ.ศ. 2554 - 2563 เป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน พร้อมกำหนดกรอบการดำเนินการภายใต้ 5 เสาหลัก ดังนี้ 1) การบริหารจัดการความปลอดภัยทางถนน 2) ถนนและการสัญจรอย่างปลอดภัย 3) ยานพาหนะปลอดภัย 4) ผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย 5) การตอบสนองหลังเกิดอุบัติเหตุ เพื่อกำหนดให้การป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุทางถนนเป็นนโยบายสำคัญที่ต้องขับเคลื่อนการดำเนินงานอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทั้งในช่วงปกติ และเทศกาลที่สำคัญ
นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2562 มีประชาชนกว่า 7 แสนคน ต้องบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน และจากรายงานขององค์การอนามัยโลก เปิดเผยว่า เมื่อปี พ.ศ. 2559 ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน กว่า 2 หมื่นราย สูงเป็นอันดับที่ 9 ของโลก สาเหตุหลักมาจากการมีพฤติกรรมเสี่ยงในการขับขี่ และไม่มีวินัยจราจร ซึ่งการเสียชีวิตมีมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจโดยเฉลี่ยสูงถึง 5.3 ล้านบาทต่อราย หากบาดเจ็บถึงขั้นพิการมีมูลค่าความสูญเสียเฉลี่ยประมาณ 6.2 ล้านบาทต่อราย โดยกลุ่มที่เสียชีวิตสูงสุด คือกลุ่มคนเดินถนน คนขี่จักรยาน และคนขี่ หรือซ้อนรถจักรยานยนต์ และส่วนใหญ่อุบัติเหตุจะเกิดขึ้นในพื้นที่ตำบลและหมู่บ้าน ดังนั้น การแก้ปัญหาจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้นำในชุมชน
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังย้ำกลไกด้านความปลอดภัยทางถนนไว้ทั้งในระดับนโยบายและในระดับจังหวัด ดังนี้ 1) ให้ถือว่าความปลอดภัยทางถนน เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ทุกชีวิตของประชาชนและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในภาพรวมของประเทศให้ดีขึ้น 2) ให้ทุกจังหวัดกำกับ ดูแล ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอ ให้มีการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง โดยการสร้างความตื่นตัวให้กับประชาชนเปลี่ยนพฤติกรรมที่เสี่ยงจะเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งมี Best Practice ในหลายประเทศ พร้อมขอให้ทุกภาคส่วนไปศึกษา และให้ความรู้กับประชาชน 3) ให้ทุกจังหวัดจัดทำแผนปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนน พร้อมกำหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัดให้ชัดเจน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานของจังหวัด และอำเภอ ให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งผลลัพธ์ต้องดีขึ้นทุกปี และ 4) ให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนทุกระดับ บูรณาการการทำงานกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัคร มูลนิธิ จิตอาสา และประชาชนในพื้นที่ โดยการร่วมคิด ร่วมวางแผน และร่วมลงมือปฏิบัติงาน เพื่อให้สามารถลดอุบัติเหตุในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม และสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนอย่างยั่งยืน
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่อย่างจริงจัง เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน ลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทางถนนให้เหลือน้อยที่สุด พร้อมแนะให้ประชาชนรัก 3 อย่างให้เท่าเทียมกัน คือรักตนเอง รักครอบครัวและรักคนอื่น เพื่อร่วมกันสร้างความปลอดภัย ทำให้สังคมมีความสุข รักษาทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่าสูงสุดของประเทศ และหวังว่าอุบัติเหตุและการสูญเสียจะลดน้อยลงในปี 2563 ที่จะมาถึงนี้