รายการ "ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม 2561

Last updated: 25 ส.ค. 2561  |  1441 จำนวนผู้เข้าชม  | 

รายการ "ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม 2561

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”
ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม 2561 เวลา 20.15 น.
-------------------------

 

สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน
ตามที่สำนักพระราชวัง ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ ไปประทับ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ความว่า…หลังจากที่พระองค์ได้เสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา ด้วยพระอาการประชวรไข้หวัดใหญ่นั้น คณะแพทย์ได้ถวายพระโอสถมาระยะหนึ่งแล้ว จากนั้นพระอาการโดยรวมดีขึ้น ไม่ทรงมีพระปรอท ทรงพระกรรสะลดลง รับสั่งได้ดี เสวยพระกระยาหารได้ดี คณะแพทย์ขอพระราชทานให้ประทับ ณ โรงพยาบาล เพื่อถวายการฟื้นฟูพระวรกายต่อไป ผมขอเชิญชวนพสกนิกรชาวไทยทุกคน ร่วมใจกันถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 พร้อมตั้งจิตอธิษฐานขอให้พระองค์ทรงหายจากพระอาการประชวร ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงโดยเร็ว ขอพระองค์ทรงพระเจริญครับ
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมา เป็น “วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ” ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงพิสูจน์การคำนวณสถานที่และเวลาการเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง ณ หมู่บ้านหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งพระองค์ทรงคำนวณล่วงหน้าไว้ถึง 2 ปี ว่าจะเกิดเหตุการณ์สำคัญทางดาราศาสตร์ โดยปีนี้ถือว่าเป็นการครบรอบ 150 ปี ของการเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวง ที่นับเป็นจุดเริ่มต้นและสัญลักษณ์ของวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ของประเทศไทยในปีนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้จัดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2561 ภายใต้แนวคิด “จุดประกายความคิด พัฒนาชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์ เสริมสร้างชาติด้วยเทคโนโลยี สู่วิถีแห่งนวัตกรรม” เพื่อเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย และเผยแพร่ผลงานการวิจัย ความก้าวหน้า กระตุ้นความสนใจ ส่งเสริมความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมให้กับเด็ก เยาวชน ตลอดจนประชาชนทั่วไป ตั้งแต่วันที่ 16 - 26 สิงหาคม 2561 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค ฮอลล์ 2 ถึง 8 เมืองทองธานี
ในงานจะมีหน่วยงานต่าง ๆ กว่า 100 หน่วยงานจาก 10 ประเทศ มาร่วมจัดแสดง โดยมี 9 เรื่องโดดเด่น อาทิ นิทรรศการวิทยาศาสตร์ติดถ้ำ โดยมีการนำเรือดำน้ำจิ๋ว หรือเรือดำน้ำหมูป่า ที่มีหน้าตาเหมือนแคปซูล พัฒนาโดย “อีลอน มัสก์” เจ้าของกิจการขนส่งอวกาศสเปซเอ็กซ์ มาจัดแสดง พร้อมกับให้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ติดถ้ำ เพื่อให้ผู้ชมได้เรียนรู้ด้านภูมิศาสตร์ธรณีวิทยา เทคโนโลยีกู้ภัย สภาพร่างกายเมื่ออยู่ในถ้ำ และการเตรียมตัวไปเที่ยวถ้ำ นิทรรศการยุคข้อมูลครองโลกหรือ BIG DATA นิทรรศการวิกฤตขยะเทคโนโลยีเปลี่ยนชีวิต และซูเปอร์ฟู้ด หรืออาหารแห่งศตวรรษ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมต่าง ๆ ที่กำลังอยู่ในความสนใจของประชาชนมาจัดแสดงด้วย
งานมหกรรมวิทยาศาสตร์ฯ จัดขึ้นตามนโยบาย “วิทย์สร้างคน สร้างแรงบันดาลใจ” ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อเตรียมคนไทยเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 สู่อาชีพใหม่ ๆ หรืออาชีพที่เกี่ยวกับสะเต็ม ที่เป็นการบูรณาการศาสตร์หลายแขนงในการทำงาน ก็ถือว่าเป็นความท้าทาย ที่จะทำอย่างไรให้เด็กสามารถเข้าถึงสะเต็มได้ง่าย มองว่าเป็นเรื่องสนุก และเกิดแรงบันดาลใจเพื่อก้าวสู่เส้นทางอาชีพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งผมเห็นว่าปัจจุบัน สะเต็มอาจจะไม่เพียงพอ สำหรับการสร้างนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ แต่เราต้องการความคิดสร้างสรรค์ไปด้วย ก็อยากจะให้เพิ่มเติม ศิลปะ เป็นสะตีมลงไปด้วย จะได้สมบูรณ์ทั้งศาสตร์และศิลป์ เพื่อการประยุกต์ การริเริ่ม และการกล้าสร้างสรรค์ในสิ่งใหม่ ไม่ใช่เป็นเพียงการลอกเลียนแบบอย่างเดียว โดยปราศจากการประยุกต์ ดัดแปลง มิฉะนั้น ประเทศของเราก็จะไม่มีโอกาสที่จะเป็นเจ้าของและผู้ส่งออกเทคโนโลยีของโลกได้เลย
ที่ผ่านมา นโยบาย “วิทย์สร้างคน” ได้มีการผลักดันผ่านโครงการต่าง ๆ เพื่อสร้างคนรุ่นใหม่ในสายอาชีพที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ เช่น การจัดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติใน 4 ภูมิภาค รวมถึงมีคาราวานวิทยาศาสตร์เพื่อให้เยาวชนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงกิจกรรมการเรียนรู้ โดยได้เพิ่มเส้นทางคาราวานสายใหม่ในพื้นที่ต่าง ๆ ตลอดจนโครงการจัตุรัสวิทยาศาสตร์ ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ให้รู้ว่าในอนาคตอันใกล้ควรจะเรียนอะไร ไปทำอาชีพอะไรจึงจะสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยที่กำลังจะก้าวไปสู่สังคม 4.0
นอกจากนี้ ก็ยังมีอีกหลายโครงการที่ได้ดำเนินการไปแล้ว อาทิ โครงการขยายห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนโดยมหาวิทยาลัย (โครงการ วมว.) โครงการพัฒนาทักษะการคิดเชิงตรรกะให้แก่เด็กและเยาวชน ด้วยกิจกรรม Coding และคิดไบร์ท (KidBright) ซึ่งจะถ่ายทอดความรู้การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ให้กับเยาวชนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นในภูมิภาคและโรงเรียนด้อยโอกาส โดยได้แจกจ่ายให้กับโรงเรียนต่าง ๆ ทั่วประเทศ จำนวน 200,000 ชุด ใน 500 โรงเรียน โครงการจัดการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์สิ่งประดิษฐ์ เพื่อสร้างสนามแข่งขันให้เยาวชนได้พัฒนาผลงาน และเรียนรู้จากคนอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการก้าวสู่เวทีระดับนานาชาติ เข้าสู่เส้นทางอาชีพนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ และนวัตกร สุดท้าย โครงการโรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรม (Fabrication Lab) ที่จะไปสร้างในโรงเรียน วิทยาลัยอาชีวศึกษา และวิทยาลัยเทคนิคทั่วประเทศอีก 150 แห่ง เพื่อจะสร้างพื้นที่ให้นักเรียนสามารถเข้าไปใช้สถานที่ อุปกรณ์หรือเครื่องมือต่าง ๆ ทางวิศวกรรม ให้สามารถสร้างสิ่งประดิษฐ์เป็นชิ้นงานต่าง ๆ เป็นการยกระดับฝีมือ ความชำนาญ และความรู้ความเข้าใจให้มากขึ้น
นโยบายวิทย์สร้างคนของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นั้น กำลังจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทย และนำประเทศเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 ได้อย่างมั่นคง ถ้าเราเปลี่ยนความคิดคนไทยให้มีความคิดแบบวิทยาศาสตร์ได้ เราจะมีเหตุมีผล และส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นสังคมที่มีศักยภาพ และสามารถพัฒนาให้ก้าวหน้าด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมในอนาคตอันใกล้ และสามารถจะไปสานต่อในเรื่องของเกษตรกรรม เรื่องของอาชีพต่าง ๆ ที่มีรายได้น้อยด้วย เราต้องเอาวิทยาศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะเกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ อีกสาขาหนึ่งที่เกี่ยวข้องกันก็คือสาขาวิทยาศาสตร์ประยุกต์ ทั้งสองอย่างเอามาด้วยกัน ก็จะขับเคลื่อนประเทศ ขับเคลื่อนตัวเอง ครอบครัวไปด้วยในอนาคต
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมก็ได้นำคณะเดินทางลงไปประชุมคณะรัฐมนตรีที่จังหวัดชุมพรและระนอง ในการลงพื้นที่ทุกครั้ง ก็ดีใจ ชื่นใจ เห็นรอยยิ้มของพี่น้องประชาชน ทั้งที่มาและอาจจะไม่ได้มา ก็ได้ฝากความห่วงใยมาถึงรัฐบาล มาถึงผมด้วย ก็ขอขอบคุณครับ พี่น้องชาวระนองหลาย ๆ คน ก็แสดงความพึงพอใจ ชุมพรด้วยนะครับ จังหวัดระนองนั้น อาจจะเป็นจังหวัดเล็ก ๆ มี ส.ส. เพียงคนเดียว แล้วก็อาจจะเขาไม่เคยเห็นนายกฯ มาที่จังหวัดระนอง แล้วอยู่ใกล้ชิดกับเขาแบบนี้ ผมเห็นว่าทุกจังหวัดไม่ว่าจะเล็ก จะใหญ่ มีความสำคัญทั้งหมด เพราะว่ารัฐบาลต้องเป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศ เพียงแต่ว่าเราต้องกำหนดบทบาทในแต่ละพื้นที่ ว่าจะมีอะไรที่แตกต่างกันบ้างตามศักยภาพ เพราะการเป็นรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีนั้น เราจะต้องเป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศ เราเลือกใครไม่ได้ ในส่วนของทีมงานล่วงหน้าก็ได้บอกว่าว่า มีคุณป้าคนหนึ่ง อยู่ที่ร้านขายน้ำข้างบ่อน้ำพุร้อน มาตั้งแต่ตี 3 ตื่นมา มารอต้อนรับ ก็ขอขอบคุณครับ หลาย ๆ ท่านก็คงลำบากเหมือนกันในการมาพบผมในครั้งนั้น ขณะที่ผมและคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะเดินทางมานี้ ก็ได้มีการเตรียมการล่วงหน้าของเจ้าหน้าที่ในทุกระดับ ได้มีการพูดคุย เก็บข้อมูล ข้อเท็จจริง จากประชาชนโดยตรงด้วย
ผมก็เชื่อว่าการเดินทางมาครั้งนี้จะช่วยเติมเต็มซึ่งกันและกัน โดยจังหวัด กลุ่มจังหวัด และภาพรวมของประเทศ จะต้องเชื่อมโยง เกื้อกูล และสอดคล้องกัน นั่นคือเศรษฐกิจของประเทศไทย ไม่ใช่ว่าเล็ก ๆ น้อย ๆ อาชีพนี้อย่างเดียว แล้วแต่ละพวก แต่ละกลุ่มก็มีความต้องการคนละอย่าง สองอย่าง แต่ถ้าเราไม่สร้างเครือข่ายให้เกิดขึ้นมาให้ได้ ในพื้นที่กว้างขึ้น ตลาดมากขึ้น สร้างกลไกในการเชื่อมโยงมากขึ้น เป็นไปไม่ได้ครับ เพราะฉะนั้นพี่น้องก็คงจะต้องเดือดร้อน จากคำกล่าวที่ว่าเศรษฐกิจเราตกต่ำ คนจนไม่มีเงินใช้ ทำนองนี้มาโดยตลอด แล้วก็ถ้าเราไม่แก้ไขแบบที่กำลังทำวันนี้ จะยิ่งกว่าเดิมไปเรื่อย ๆ ผมก็อยากจะเรียนพ่อแม่พี่น้องให้ทราบครับ ระนอง ชุมพร นั้นเราถือว่าเป็นประตูสู่ภาคใต้ตอนล่างของไทย เชื่อมโยงสองฝั่ง อ่าวไทยกับอันดามัน สำคัญต่อยุทธศาสตร์การค้าและการลงทุนของประเทศ ที่ผ่านมากิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญมักเกิดขึ้นในฝั่งชายทะเลตะวันออกของทวีปเอเชีย ตั้งแต่เกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกง มาถึงชายฝั่งของประเทศในอาเซียน ซึ่งในอีก 10 ถึง 15 ปีข้างหน้า ประเทศในเอเชียใต้และเอเชียตะวันตกจะมีความสำคัญมากขึ้นไม่แพ้กัน เพราะว่าเรามีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงมาก มีประชากรหนาแน่น เป็นตลาดขนาดใหญ่ แล้วก็ทำให้มีความต้องการสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็เป็นอีกโอกาส ที่เราจะสามารถขยายตลาดและกระจายคู่ค้าออกไปได้อย่างหลากหลายยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้สองจังหวัดทำหน้าที่เป็นประตูที่เปิดกว้างของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ได้อย่างเต็มที่ เพื่อรองรับการเติบโตของประเทศเอง ภายใน แล้วก็ภายนอกด้วย การค้าระหว่างประเทศในการลงพื้นที่ครั้งนี้ รัฐบาลได้เน้นการพัฒนาจังหวัดระนอง ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Smart Living City) ผ่านการส่งเสริมเรื่องแพทย์ทางเลือก เพราะมีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ โดยจะต้องดูแล รักษาและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทางน้ำ ให้มีความสมบูรณ์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในอนาคตพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการค้า โลจิสติกส์ ชายฝั่งอันดามัน ซึ่งก็จะสนับสนุนแนวคิดการเชื่อมโยงของกลุ่มประเทศอินโด-แปซิฟิก และ One Belt One Road ของจีน เพื่อการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะการพัฒนาใช้ประโยชน์ท่าเรือระนองให้เต็มศักยภาพ สำหรับชุมพรนั้นเช่นเดียวกัน ก็คงจะต้องมุ่งเน้นการพัฒนาการบริหารจัดการน้ำ เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย และสามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตรกรรมและบริโภคได้ นอกจากนี้ จะต้องเร่งส่งเสริมเรื่องวิสาหกิจชุมชนและการบริหารจัดการทรัพยากรในท้องถิ่น โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้ดีขึ้น
นอกจากในสองจังหวัดที่ไปเยี่ยมชมด้วยตัวเองแล้ว ผมยังได้มีโอกาสหารือในเรื่องการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้กับผู้แทนประชาชน ภาคธุรกิจ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ ในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อวางแนวทางการดำเนินงานและการพัฒนาพื้นที่ อันได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี สงขลา กับกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง สตูล อาทิ โครงการที่สำคัญ 4 ด้าน ก็คือ
1. การพัฒนาโครงข่ายเส้นทางให้สามารถเชื่อมโยงเครือข่าย ใช้เป็นประโยชน์ ในการเป็นประตูส่งสินค้าออกไปทางฝั่งตะวันตก สำหรับเชื่อมต่อพื้นที่ทั้งแนวตะวันออก-ตะวันตก และแนวเหนือ-ใต้ รวมถึงประเทศจีน มีทั้งการขยายทางหลัก การก่อสร้างใหม่ การสร้างถนนเชื่อมสองฝั่งทะเล รวมถึงการเร่งรัดการก่อสร้างและพัฒนาถนนเลียบชายหาดอ่าวไทย และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านขนส่งและระบบโลจิสติกส์ในพื้นที่ เพื่อสนับสนุนด้านอุตสาหกรรม การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว อาทิ ทางราง ก็ได้มีการพิจารณาโครงการก่อสร้างทางรถไฟรางคู่ เชื่อมโยงชุมพรลงไปถึงปาดังเบซาร์ และการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ ทางน้ำ มีการพิจารณาพัฒนาท่าเทียบเรือ เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว ในขณะที่ทางอากาศ ก็ได้หารือในเรื่องการปรับปรุงท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ให้มีความสะดวกยิ่งขึ้น โครงการเหล่านี้จะช่วยเตรียมความพร้อมในการเตรียมการแผนระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ของประเทศต่อไปอีกด้วย โดยแผนงานโครงการต้องทำให้ชัดเจน คำนึงถึงความคุ้มค่าการใช้จ่ายงบประมาณ และผลประโยชน์ที่จะได้รับเป็นหลัก รวมถึงให้สอดคล้องกับแผนการพัฒนาของรัฐบาลอีกด้วย
เรื่องที่ 2. การผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร จะพัฒนาทั้งการแปรรูปการเกษตร การประมง เพื่อจะสร้างมูลค่าเพิ่ม พัฒนาฐานอุตสาหกรรมชีวภาพ ที่ต่อยอดจากการผลิตน้ำมันปาล์มให้มีมูลค่าสูงขึ้น รวมถึงการยกระดับมหาวิทยาลัยในพื้นที่ ให้เป็นศูนย์กลางของงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับปาล์มน้ำมัน ยางพารา ยกระดับเกษตรกรรายย่อยให้มีขีดความสามารถในการผลิตสินค้าเกษตรและแปรรูปให้มากขึ้น โดยมีการหารือเรื่องการจัดตั้ง Oil Palm City ที่สุราษฎร์ธานี มีการส่งเสริมการทำระบบแก๊สชีวภาพ ชีวมวล จากกระบวนการผลิตปาล์มและยางพารา เพื่อเป็นพลังงานทดแทนในระบบอุตสาหกรรม ตามแนวประชารัฐมีการพัฒนาฟาร์มต้นแบบที่มีความแม่นยำสูง รวมทั้งส่งเสริมให้เป็นเมืองนวัตกรรมและการออกแบบไม้ยางพาราเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และการจัดทำมาตรฐาน การจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน สำหรับรองรับอุตสาหกรรม 4.0 มีการสร้าง Smart Farmer การจัดตั้งศูนย์ยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชนทางการเกษตรตามแนวประชารัฐ การพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลด้านการเกษตร สินค้าและบริการ รวมทั้งการจัดตั้งโรงงานต้นแบบสินค้าการเกษตร 4.0 แบบครบวงจร ทั้งนี้เพื่อจะยกระดับให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ คลัสเตอร์เกษตรภาคใต้ ซึ่งผมได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สร้างกลไกและขับเคลื่อนให้ได้โดยเร็วที่สุด ร่วมกันกำหนดพื้นที่เพาะปลูก มีการทำเกษตรแบบผสมผสาน ปลูกพืชเสริมพืชหลัก และการรวมกลุ่มทำเกษตรแปลงใหญ่เป็นต้น โดยจะต้องนำ Big Data มาใช้มากขึ้น ด้วยข้อมูลจากทุกหน่วยงานมาวิเคราะห์ สนับสนุนการตัดสินใจ การวิเคราะห์สถานการณ์ การตลาดนำการผลิต และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เพื่อที่จะได้ส่งเสริมการทำเกษตรให้ตรงจุด นอกจากนี้ ผมได้สั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่ลงทะเบียนแหล่งที่มาของพืชการเกษตรหลัก เพื่อจะบ่งบอกถึงแหล่งการเพาะปลูกพืชต่าง ๆ อีกด้วย เพราะต่างชาติให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว หากไม่พบแหล่งที่มาของพืชการเกษตร หรือปลูกในพื้นที่ผิดกฎหมาย ก็จะไม่มีการรับซื้อสินค้าเกษตรดังกล่าว ก็จะเกิดปัญหาที่ใหญ่ขึ้นอื่น ๆ ตามมาอีก
3. การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำแห่งใหม่ กับแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเลียบชายฝั่งทะเลอ่าวไทยให้เชื่อมโยงกับอันดามัน เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ หรือ “ริเวียร่าเมืองไทย” นอกจากการท่องเที่ยวในภาพรวมแล้ว ยังมีการหารือการพัฒนาศักยภาพ เพื่อจะรักษาความปลอดภัยเมืองท่องเที่ยวหลัก โดยประยุกต์เทคโนโลยีและนวัตกรรมทั้งทางบกและทางน้ำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น ระบบแจ้งเตือนภัยในเชิงป้องกัน และ CCTV ในเชิงป้องปราบ เป็นต้นการยกระดับแหล่งท่องเที่ยว เช่น สปาวารีบำบัดน้ำพุร้อน และแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อให้สามารถสนับสนุนธุรกิจในชุมชนให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการพัฒนาเส้นทางเพื่อการท่องเที่ยว และการก่อสร้างศูนย์การกีฬาและวิทยาศาสตร์การกีฬาระดับประเทศ
4. การศึกษาแนวทางการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ป่าไม้ และป่าชายเลน การขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำชายฝั่งทะเลที่สุราษฎร์ธานี การบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้เรื่องน้ำท่วม รวมถึงการจัดหาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ในจังหวัดพังงาและระนอง เป็นต้น สำหรับโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ ในจังหวัดชุมพร ซึ่งสร้างขึ้นเป็นแก้มลิงธรรมชาติ นั้น นอกจากจะช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยในจังหวัดชุมพร และเป็นแหล่งน้ำสำรองสำหรับการเกษตรกรรม และผลิตน้ำประปาหล่อเลี้ยงชุมชนในอนาคตแล้ว ยังสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนได้อีกด้วยโดยเฉพาะ ถ้าหากมีเรื่องราว เรื่องเล่าให้ศึกษา ก็ช่วยดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี โดยหนองใหญ่นี้ ได้มีเกาะกลางน้ำที่เกิดจากการนำดินจากการขุดบึง ปรับแก้มลิง มาถมจนเป็นเกาะอยู่กลางน้ำ โดยมีการนำไม้ยืนต้นพันธุ์ภาคใต้ที่ใกล้สูญพันธุ์มาปลูกไว้หลายชนิด เป็นที่อยู่อาศัยของนกและกวาง มีการสร้างสะพานไม้เคี่ยม ตามที่เห็นในรูปวันนี้ ที่สวยงามเชื่อมต่อระหว่างเกาะกับฝั่ง เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เดินชมทัศนียภาพได้อีกด้วย ซึ่งสะพานนี้สร้างเมื่อปี 2552 ยาว 295 เมตร กว้าง 1.2 เมตร ที่น่าสนใจคือสร้างโดยแรงงานเด็กวัยรุ่นเพียง7 คน ใช้เวลาเพียง 45 วัน ใช้เงิน 460,000 บาท โดยไม่อาศัยเครื่องมือเครื่องจักรใด ๆ ช่วยเลย สาเหตุที่ต้องใช้ไม้เคี่ยม เนื่องจากเป็นไม้ที่ทนน้ำ ทนแดด ทนฝน ส่วนรูปทรงสะพานที่คดโค้ง มีขึ้นมีลง ก็แฝงด้วยคำสอนที่ว่า เปรียบเหมือนชีวิตมนุษย์ ซึ่งย่อมมีทั้งขึ้นและลง และบางครั้งต้องคดเคี้ยวบ้าง ปัจจุบันเกิดการชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา กลุ่มพลังมวลชนและภาคส่วนต่าง ๆ ในจังหวัดชุมพร จึงร่วมกันบูรณะจนแล้วเสร็จในรูปแบบปัจจุบันที่เห็นภายในวันเดียว ผมจึงอยากนำเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ซึ่งแฝงด้วยความยิ่งใหญ่ มาเล่าให้พี่น้องทั่วประเทศได้ฟัง ในทุก ๆ ที่ย่อมมีที่มาที่ไป น่าศึกษา หากเราไม่มองข้าม อีกทั้งยังมีแง่มุมสอนใจคนเราได้ด้วยครับ
นอกจากนี้ แนวทางการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ที่จะส่งเสริมให้ภาคใต้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ผ่านการก่อสร้างโรงพยาบาลเพิ่มเติม ซึ่งจะต้องดูความเหมาะสมในเรื่องของพื้นที่ต่อไป รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในเครื่องมือรักษาพยาบาล และคุณภาพการบริการของโรงพยาบาล นอกจากนี้ การสนับสนุนการดำเนินงาน OTOP Academy เพื่อส่งเสริมความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยจะพิจารณาในเรื่องความพร้อมของบุคลากรและรูปแบบการบริหารจัดการต่อไป
ทั้งนี้ในการลงพื้นที่ทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรี หรือการตรวจเยี่ยมการดำเนินงานต่าง ๆ ไม่ได้มาเพื่อแจกเงินหรือแจกงบประมาณ อย่างที่หลายคนกล่าวอ้างกันมา ผมไม่ทำเช่นนั้น แต่มาเพื่อติดตามความต่อเนื่องเชื่อมโยงงบราษฎร ทำความเข้าใจ โครงการที่มีแต่ดั้งเดิม ที่ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดีที่ผ่านมา เช่น โครงการรักษาพยาบาล การศึกษาฟรี การเกษตร หนี้สิน ฯลฯ เราคงต้องดำเนินการต่อ แต่ระหว่างนี้เราต้องพิจารณาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ในเรื่องของการใช้จ่ายงบประมาณที่จะมากขึ้นในอนาคตหลาย ๆ รูปแบบด้วยกัน และสิ่งที่ผ่านมานั้นก็จะมีปัญหาอยู่หลายประการ แต่เราก็ไม่สามารถจะล้มเลิกได้ แต่เราต้องทำให้ดีกว่าเดิม ทุกอย่างต้องดีขึ้นกว่าเดิม แล้วก็มั่นคง ยั่งยืน เพื่อคนไทยของพวกเรา รักษาวินัยทางการเงินการคลังของประเทศอีกด้วย อย่าไปคิดอะไรสั้น ๆ คิดแต่ปลายทาง ถ้าเราใช้เงินตรงปลายทางให้มาก ต่อ ๆ ไปโครงการเหล่านี้ รวมแล้วจะใช้งบประมาณมากขึ้น แล้วเราจะไม่สามารถไปดูแลอย่างอื่นได้ ไปลงทุนอะไรก็ไม่ได้ เพราะติดอยู่กับงบประมาณพวกนี้ แต่เราลดจากปัจจุบันไม่ได้ เพราะบางอย่างทำมาแล้ว แต่ต้องทำให้ดีขึ้น ต้องมีมาตรการที่เหมาะสมเข้ามาใช้ ประชาชนบางท่านไม่ทราบ ไม่เข้าใจว่าเรากำลังทำให้ดีขึ้นอย่างไร ทราบแต่เพียงว่าเริ่มมาตั้งแต่เมื่อนั่นเมื่อนี่ แต่มีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหนอันนี้ไม่เข้าใจ ไม่รู้ ก็อยากให้ทุกคนเรียนรู้ไปพร้อมกัน ให้เห็นทั้งประโยชน์และปัญหาควบคู่กันไปด้วย ทุกครั้งที่รัฐบาลได้ลงพื้นที่ ก็พบว่าประชาชนมีความต้องการในหลาย ๆ ด้าน ทั้งเรื่องเดิม เรื่องใหม่ เรื่องซ้ำซาก เราเข้าใจ และก็รับมาพิจารณา หลายเรื่องที่ลงไปนี่อยู่ในแผนงานโครงการแล้ว บางเรื่องที่ยังไม่อยู่ในแผน ก็นำมาพิจารณาความเหมาะสม เพื่อจะจัดหางบประมาณ จัดลำดับความจำเป็นความเร่งด่วน
ในส่วนของเรื่องงบประมาณนี้เช่นกัน ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจว่าเราได้งบประมาณจากไหนอย่างไร เพราะรัฐบาลมีอย่างเดียว จากภาษีทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นถ้าเราพูดถึงเรื่องนี้จะมีปัญหาหมด แต่ทุกคนก็ต้องเข้าใจว่า ท่านเรียกร้องอะไรก็แล้วแต่ หรือประเทศชาติต้องการอะไรก็แล้วแต่ ต้องมีเงิน มีงบประมาณ และต้องใช้เวลาในการดำเนินการ ถ้าหลายคนกำหนดแต่ความต้องการออกมา แต่เวลาถามว่าจะได้เงินจากที่ไหนเพื่อทำความเข้าใจ กลายกลับเป็นว่าก็ในเมื่อเป็นรัฐบาลก็ต้องไปหาเงินมา แล้วผมจะหาได้จากใคร หลาย ๆ คนก็บอกว่ารัฐบาลหมดสตางค์แล้ว หมดเงินแล้ว ต้องมารีดไถประชาชน ผมคิดว่าคนพวกนี้อันตราย ไม่ใช่อย่างนั้นเลย เพราะเรายึดถือหลักการของระบบการเงินการคลังอยู่แล้ว มีกฎหมายออกมาคุมทุกตัว ว่าจะต้องใช้เงินงบประมาณอย่างไร ก็วันหน้าระมัดระวังก็แล้วกันครับ เราต้องการจะสร้างความเชื่อมโยงระหว่างชายฝั่งทั้งสองด้าน ทั้งการท่องเที่ยว ท่าเรือ และสนามบิน แล้วไปยังประเทศอื่น ๆ ด้วย จะเกิดห่วงโซ่มูลค่า สร้างรายได้ สร้างมูลค่าเพิ่มให้มากขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าเราปรับแผนการทำงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจให้ตรงกับความต้องการของประชาชน ซึ่งเราก็ต้องคำนึงถึงสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งก็ต้องคำนึงถึงความต้องการของเขา ความเร่งด่วน ความลำบากของเขา
ขณะเดียวกันฝ่ายประชาชนที่เดือดร้อน ก็ต้องมองทางฝั่งราชการ ฝั่งรัฐวิสาหกิจด้วยว่าเขาก็ต้องมีเงินทุนในการทำงาน ในการที่จะทำให้กลับมาที่พวกเรานั่นแหละ เพราะฉะนั้นถ้าทั้งสองฝ่ายไม่เอื้อประโยชน์ ไม่อำนวยต่อกัน ก็จะติดขัดไปหมด เริ่มตั้งแต่ที่ดิน เริ่มตั้งแต่จะสร้างถนนหนทาง ขุดน้ำ ขุดอะไรต่าง ๆ ติดปัญหาไปหมด เพราะเป็นที่ดินของท่าน แต่ท่านต้องการผลประโยชน์ ที่รัฐบาลจะต้องทำให้ ก็ต้องช่วยกันทั้งสองข้าง ลดความซ้ำซ้อน หลายเรื่องก็เป็นเรื่องที่อยู่ในแผนงานของรัฐบาลอยู่แล้ว เพราะรัฐบาลนั้นมีข้อมูลอยู่แล้วทั้งหมด เพียงแต่เราต้องหยิบจับมาทำอะไรให้เหมาะสม เร่งรัดให้ได้ บางเรื่องก็ต้องไปศึกษาใหม่ ให้ตรงกับความต้องการของประชาชน ในขณะที่เราลงไปเช่นนี้ ก็ฟังในหลายช่องทางด้วยกันครับ
ในการเดินทางลงพื้นที่นั้น ผมและคณะรัฐมนตรีก็ได้พยายามอย่างยิ่ง วันนี้ลงไปถึง 72 พื้นที่ด้วยกัน พร้อม ๆ กันก็แยกย้ายกันไป ทั้งรองนายกฯ รัฐมนตรีก็แบ่ง ๆ กันไป แล้วก็ประชุมร่วมกัน บางคณะบางชุดก็ร่วมกับคณะรัฐมนตรีไป หลายเรื่อง วันนี้ที่ผมติดตามจากโซเชียลมีเดียบ้าง จากสื่อบ้าง มีกลุ่มผู้ไม่หวังดี อาจจะกลุ่มการเมือง สื่อที่อาจจะเจตนาไม่บริสุทธิ์ บิดเบือนว่ารัฐบาลนี้ไม่เคยทำอะไรให้เลย 4 ปีที่ผ่านมาทุกอย่างเริ่มตั้งแต่รัฐบาลก่อน ๆ หมด เพราะทุกอย่างก็ต้องสืบทอดกันมาทุกรัฐบาลนั่นแหละ ขึ้นอยู่กับทำไว้มากน้อยเพียงใด แล้วก็ทำเสริมเพียงใด แล้วมาแก้ไขอะไรบ้าง คิดแบบนี้นะถึงจะสร้างสรรค์ ถ้าท่านติแบบนี้ทั้งหมด แล้วท่านบอกว่าวันนี้ที่รัฐบาลทำเหมือนกับรัฐบาลก่อนทำมา แล้วผมถามว่าถ้าผมอ้างว่ารัฐบาลก่อนสร้างปัญหาอะไรไว้บ้าง ท่านจะฟังผมไหมล่ะครับ ก็อยากจะให้สื่อสารไปถึงประชาชนด้วย
ผมเป็นกังวลกับพี่น้องประชาชนที่มีความเดือดร้อนอยู่ข้างล่าง โดยที่เขาไม่เข้าใจว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรให้กับเขา เพราะบางอย่างอาจจะยังไม่ถึงเขา บางอย่างถึงแล้ว แต่เขาต้องการมากขึ้น บางที่ยังไม่ถึง คนบางคนกำลังบิดเบือนว่าถ้าวันหน้าเขาจะทำให้ใหม่ แล้วก็คนเก่า ๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นก็ขอให้ทำความเข้าใจด้วย ฝากบรรดาส่วนราชการต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ด้วย กรุณารวบรวมสิ่งที่รัฐบาลนี้ทำมา ไม่ว่าจะของเดิม ของใหม่ แก้ไขปัญหากฎหมาย กฎหมายวันนี้ก็ยิ่งมีความขัดแย้งมาก ผมถึงต้องบอกแล้วว่าต้องมองสองทางด้วยกัน ว่าท่านต้องการอะไรให้ดีขึ้น ต้องการความปลอดภัยให้มากขึ้น บางอย่างกฎหมายก็ต้องปรับแก้ ถ้าท่านบอกว่าปล่อยทุกอย่างอิสระเสรี แล้วมันจะได้ไหมล่ะครับ ที่พูดมาทั้งหมดไม่ได้หรอกครับ เพราะฉะนั้นจึงต้องทำงานร่วมกัน ที่เรียกว่าประชารัฐ เพราะฉะนั้นในการลงพื้นที่ครั้งนี้ผมถือว่า ผู้ที่ได้ผลประโยชน์สูงสุดคือประชาชน แล้วรัฐบาลก็ได้ประโยชน์จากการที่ประชาชนให้ข้อมูลชัดเจน และสื่อสารกันด้วยความเข้าใจว่าได้หรือไม่ได้ นี่ได้เมื่อไร เพราะฉะนั้นก็ต้องเข้าใจกัน ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายรัฐบาลส่วนล่วงหน้า ประชาชนในพื้นที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ต้อนรับเป็นอย่างดียิ่งครับ ผมก็ไม่ชอบที่เป็นพิธีทางการมากนัก ทานอะไรง่าย ๆ ใกล้ชิดประชาชนให้มาก ๆ ครับ
สุดท้ายนี้ นอกจากเรื่องสภาพลมฟ้าอากาศ อันจะนำมาซึ่งปัญหาอุทกภัย ในปัจจุบันเราก็พยายามแก้มาโดยตลอด หลายอย่างก็ดีขึ้น แต่เราอย่าคิดว่ามันจะไม่กลับมาอีก ถ้าหากว่ามีพายุอะไรเข้ามา ต้องเตรียมการ เตรียมความพร้อมไว้ตลอดเวลา อีกเรื่องหนึ่งที่ผมเป็นห่วงพี่น้องประชาชนก็คือเรื่องการรักษาสุขภาพ โดยองค์การอนามัยโลกมีรายงานว่าทุกประเทศทั่วโลก พบผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันสูง ประเทศไทยมีอัตราป่วยโรคเหล่านี้สูงเช่นกัน แต่ที่น่ายินดีก็คือ ประเทศไทยได้รับการประเมินและชื่นชมจากองค์การอนามัยโลก ว่ามีการดำเนินงานด้านการป้องกันควบคุมโรคไม่ติดต่อ ได้ดีเยี่ยมติด 10 อันดับแรกของโลก น่าภูมิใจนะครับ ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งในเอเชียด้วย
สิ่งดี ๆ เหล่านี้บางทีไม่ทราบ ทุกคนก็ไปบิดเบือนเป็นเรื่องของความเดือดร้อนอะไรต่าง ๆ มากมาย เรื่องการเมือง เรื่องประชาธิปไตย โดยลืมไปว่านี่เป็นพื้นฐานสำคัญของประเทศ โรคไข้หวัดใหญ่ซึ่งเป็นโรคติดต่อ ที่มีแชร์ข้อมูลในสื่อโซเชียลในปัจจุบัน แล้วก็สร้างความตื่นกลัวให้กับพี่น้องประชาชน ความจริงแล้วในปีนี้มีจำนวนผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่นี้ จำนวนลดลง สาเหตุของอาการที่ทรุดลงหรือเสียชีวิต เนื่องจากยังคงมีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ในการดูแลรักษาอาการป่วย เช่น ไข้ ไอ จาม มีน้ำมูก แล้วก็มักจะไม่ไปปรึกษาหมอ พบแพทย์ ไปซื้อยาปฏิชีวนะหรือยาสมุนไพรกินเอง จึงขอแนะนำว่า หากมีไข้สูงเกิน 2 วัน ปวดเมื่อยร่างกาย ให้รีบพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจและรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม นอกจากนี้ ควรป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทุกสายพันธุ์ หลักง่าย ๆ ก็คือ “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” หมายถึง “ปิดปาก ปิดจมูก” ด้วยหน้ากากอนามัย หากจะไอ จาม ให้ใช้ผ้าหรือกระดาษทิชชูปิดปากและจมูกทุกครั้ง เพื่อรับผิดชอบต่อคนรอบข้างและสังคม “ล้างมือบ่อย ๆ” ด้วยน้ำและสบู่ เมื่อสัมผัสสิ่งของ เช่น กลอนประตู ลูกบิด ราวบันได ราวบนรถโดยสาร “หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย” หรือในสถานที่แออัด มีคนอยู่รวมกันจำนวนมากและ “ควรหยุดเรียน หยุดงาน หยุดกิจกรรม” แม้มีอาการป่วยเล็กน้อย ก็ควรหยุดพักผ่อนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน จนกว่าจะหายเป็นปกติ สงสัยให้สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน กรมควบคุมโรค โทร. 1422
ขอบคุณครับ ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพ และทุกครอบครัวมีความสุข ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นะครับ สวัสดีครับ

 

ชมรายการย้อนหลังผ่านยูทูป ช่องวีดีโอ chorsaard

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้