Last updated: 19 ก.ย. 2568 | 414 จำนวนผู้เข้าชม |
คณะอนุกรรมาธิการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม วุฒิสภา หารือ กสทช. เรื่องอนาคตทีวีดิจิทัล
วันนี้ (18 กันยายน 2568) ณ อาคารรัฐสภา คณะอนุกรรมาธิการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ในคณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา โดยมี นายสุทนต์ กล้าการขาย ประธานอนุกรรมาธิการฯ เป็นประธานการประชุม พร้อมกรรมาธิการ อนุกรรมาธิการและที่ปรึกษาได้เชิญ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (ด้านกิจการโทรทัศน์) มาชี้แจงและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับอนาคตของกิจการโทรทัศน์ดิจิทัล
การประชุมครั้งนี้มีสาระสำคัญในการหารือถึงการจัดทำ Roadmap อนาคตทีวีดิจิทัล เพื่อเตรียมการก่อนใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ดิจิทัลประเภทธุรกิจจะหมดอายุในปี พ.ศ. 2572 แนวทางการจัดสรรใบอนุญาตใหม่และการปรับรูปแบบการอนุญาตให้สอดคล้องกับสภาพอุตสาหกรรม การกำกับดูแลแพลตฟอร์ม OTT และบริการสื่อออนไลน์ เพื่อให้เกิดกติกาการแข่งขันที่เป็นธรรม การพัฒนา National Streaming Platform เพื่อเป็นอีกทางเลือกในการเข้าถึงสื่อ มาตรการบรรเทาภาระของผู้ประกอบการ เช่น การทบทวนค่าเช่าโครงข่าย (MUX) และค่าธรรมเนียมใบอนุญาต
นายสุทนต์ กล้าการขาย ประธานอนุกรรมาธิการฯ เน้นย้ำว่า การรักษาความมั่นคงของระบบโทรทัศน์ภาคพื้นดินเป็นสิ่งสำคัญ เพราะยังเป็นช่องทางหลักในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง และเสนอให้ดำเนินนโยบาย “เดินคู่ขนาน” คือ จัดสรรทีวีดิจิทัลภาคพื้นดินให้ชัดเจน ควบคู่กับ การพัฒนา National Platform เป็นทางเลือกในอนาคต
ด้าน ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต ได้เสนอฉากทัศน์อนาคตของทีวีไทย 3 รูปแบบ ได้แก่ (1.) ทีวีไทยล่มสลาย หากไม่มีมาตรการรัฐและไม่กำกับ OTT (2.) ทีวีไทยแข่งขันได้ชั่วคราว หากมีกติกากำกับแต่ยังเผชิญการแข่งขันจากแพลตฟอร์มระดับโลก (3.) ทีวีไทยก้าวสู่ระดับสากล หากมีการปฏิรูปเชิงโครงสร้างและส่งเสริม Thai Wave ให้แข่งขันในตลาดโลกได้
การประชุมครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่วุฒิสภาและ กสทช. ได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น เพื่อกำหนดทิศทางอนาคตของทีวีดิจิทัลไทย ให้สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมสื่อในยุคดิจิทัล และคุ้มครองสิทธิประชาชนในการเข้าถึงสื่ออย่างเท่าเทียม
13 ก.ย. 2568