Last updated: 28 ธ.ค. 2562 | 4385 จำนวนผู้เข้าชม |
ถ้าไม่อยากตกขบวนทุกคนจะต้องเรียนรู้และเข้าใจ “ดิสทรัปชั่น” กับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่อย่างใกล้ชิดและต้องเตรียมรับมือให้ได้
ไม่กี่ปีมานี้คำว่า “ดีสทรัปชั่น” หรือหลายคนแปลความว่า “การทำลายล้างอย่างสิ้นซาก” นั้น เป็นคำที่มีการพูดถึงกันค่อนข้างมากจากที่เคยเป็นคำสูงๆ อยู่ในคนกลุ่มเล็กๆในแวดวงวิชาการ แวดวงธุรกิจและแวดวงของเทคโนโลยีแต่ทุกวันนี้คำๆ นี้ เป็นคำที่ชาวบ้านทั่วไปรู้จักมากขึ้นและก็โดนหางเลขจากการดีทรัปบ้างแล้วและจะรุนแรงขึ้นตามลำดับ
คงต้องยอมรับความจริงว่า ในห้วงเวลาไม่ถึงสิบปีมานี้โลกที่เราอยู่บ้านเมืองที่เราเห็นเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย ทั้งนี้ล้วนเป็นผลจาก “ดีสทรัปชั่น” เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบทำลายล้างของเดิมเกือบจะสิ้นซากกันเลยทีเดียว
สิ่งที่เคยคาดการณ์ได้ในอดีตเดี๋ยวนี้คาดการณ์ไม่ถูกเสียแล้ว ยิ่งได้ฟัง 'ดร.เอ้' “สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีลาดกระบัง เล่าเรื่องนี้ต้องบอกว่าโลกยุดิสทรัปว่าน่ากลัวยิ่งกว่าสงครามจริงๆ
ตัวอย่างชัดๆ ที่เป็นสิ่งที่คนชอบนำมายกตัวอย่างเรื่องการปรับตัวไม่ทันอย่างกรณีของฟิล์มโกดักที่เคยดังสุดๆ มีเด็กจบใหม่ทั่วโลกอยากทำงานด้วย แต่ปัจจุบัน ถามเด็กๆ ทั่วโลกทุกคนบอกว่าอยากทำงานที่ กูเกิ้ล เฟสบุ๊ค แอปเปิ้ล แต่โกดัก เจ้งไปแล้ว โมโตโลล่า รุ่น 3310 วันนั้นใครบอกว่า โนเกีย แข่งไม่ได้คนนั้นเสียสติ ทุกตำราในมหาวิทยาลัยระดับท็อปของสหรัฐ ใช้เป็นกรณีศึกษาบริษัทปฏิวัติโลกพัฒนาจากบริษัทค้าไม้มาเป็นบริษัทเทคโนโลยีแต่วันนี้ไม่รอด
วันนี้เราต้องกลับมาดูว่า เราเป็นใคร ใครไม่เก่งไปไม่รอด เราเล่น อินเตอร์เน็ตต้องรู้จัก ยาฮูดอสคอม ที่มีเจอรี่ หยาง เป็นผู้ก่อตั้ง เคยดังไม่แพ้มาร์ก ซัคเกอร์เบอร์ก ทุกวันนี้ไม่มีใครรู้จักเจอรี่หยางอีกแล้ว เพราะฉะนั้น วันนี้ค่อยเป็นค่อยไปไม่ได้แล้ว คำว่า องค์กรเปลี่ยนไม่ได้ เพราะ “วัฒนธรรม” ใช้ไม่ได้ วัฒนธรรมมาจากคนสร้าง ทำไมจะเปลี่ยนไม่ได้
วันนี้ถ้าช้าไปแค่ 1 นาที เราไม่สามารถแข่งกับใครได้ในโลก ทุกวันนี้ทุกคนสู้เป็นวินาที คำว่า “ค่อยเป็นค่อยไป” ไม่อยู่ในพจนานุกรมอีกต่อไป เพราะยุคนี้เป็น “ยุคดิสรัป” น่ากลัวยิ่งกว่าสงคราม เพราะเราไม่รู้ว่าใครคือศัตรูของเรา วันนี้คนที่เราไม่รู้จัก อาจทำงานอยู่ที่ประเทศ ลัตเวีย เอสโทเนีย พวกนี้ทำงานที่บ้านเขา แต่เมื่อเขาทำเสร็จเมื่อไหร่ บริษัทเราที่อยู่ในเมืองไทยอาจจะล้มได้
ปี 2019 อาชีพยิ่งใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ คือ นักการเงิน เด็กอายุ 20 ปี ถ้าเก่งสิงคโปร์ซื้อไปทำงาน ขณะที่ “ดิสคอฟเวอรี่” จัดแข่งขันกับนักเล่นหุ้นที่เก่งที่สุดชาวเกาหลี กับ AI ปรากฏว่านักเล่นหุ้นแพ้ AI ถูกใช้เป็นนักลงทุนดูประวัติย้อนหลัง การลงทุนย้อนหลัง 30 ปี ทำเงินได้มากกว่ามนุษย์ นักการเงินกำลังตกงาน
ทุกวันนี้เวลาทำบุญไม่ต้องใส่ซอง จะใช้วิธีโอนผ่านแบงก์ได้เลย และไม่รู้ว่าแบงก์อะไรด้วยซ้ำ เมื่อก่อนแบงก์เคยได้ค่าธรรมเนียมปีละ 3-4 พันล้าน วันนี้ไม่ได้แล้วแบงก์เคยมั่นคงทยอยปิดสาขาเป็นว่าเล่น
อาชีพ “นักกฎหมาย” กำลังสูญพันธุ์วันนี้มีนักกฎหมายคนไหนบ้างที่อ่านกฎหมายรัฐธรรมนูญทั่วโลกได้ อ่านฏีกาทั่วโลกได้ แต่ AI สามารถอ่านและจำกฎหมายทุกฉบับได้ JP.Morgan ลดค่ากฎหมายที่แพงมหาศาล รายได้บริษัทกฎหมายสหรัฐปีหนึ่งเป็นแสนล้านบาท ทุกวันนี้ JP.Morgan เริ่มใช้ AI แทนนักกฏหมายอาชีพที่เคยยิ่งใหญ่กำลังถูกกลืน
อาชีพอาจารย์มหาวิทยาลัย เสร็จก่อนเพื่อน “จุดจบมหาลัย” กำลังจะมาถึงวันนี้ไม่มีใครสนใจเรียนมหาวิทยาลัยอีกแล้ว มหาลัยในสหรัฐ 500 แห่งไม่รอด อีก 2,000 แห่งทำท่าไม่ไหวไปไม่รอดเช่นกัน อาจารย์กำลังจะตกงานกันเป็นแถว
ฟัง ดร.เอ้ แล้วได้แต่ถอนหายใจ ต้องบอกว่าโลกทุกวันนี้ ”ดิสทรัป” น่ากลัวกว่าสงครามจริงๆ เพราะเราไม่รู้ว่าใครคือศัตรูและมันกำลังเข้ามาใกล้ตัวเราเรื่อยๆหลายคนต้องออกจากงานมาอยู่บ้านเฉยๆก็เพราะคำว่าดีสทรัปชั่นและนับวันยิ่งจะเข้ามาทำลายล้างเรามากขึ้นเรื่อยๆ
อย่าชะล่าใจทุกคนจะต้องเรียนรู้และเข้าใจกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่อย่างใกล้ชิดและต้องเตรียมรับมือให้ได้ถ้าไม่อยากตกขบวน
ต้นฉบับ https://www.dailynews.co.th/article/748747
คอลัมน์ : เศรษฐศาสตร์ข้างทาง
โดย : ทวี มีเงิน