Last updated: 12 ม.ค. 2562 | 2637 จำนวนผู้เข้าชม |
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”
ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
วันศุกร์ที่ 11 มกราคม 2562 เวลา 20.15 น.
-------------------------
สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รัก ทุกท่าน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราโชวาท เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2562 เพื่อเชิญไปลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็กแห่งชาติ ชื่อ “นอกหน้าต่างบานเล็ก” ความว่า “เด็กทุกคนควรหมั่นศึกษาหาความรู้ และประพฤติตนเป็นคนดี มีระเบียบวินัย เพราะว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ จะช่วยให้แต่ละคนประสบความสุขความเจริญ และความสำเร็จในชีวิตได้ในวันข้างหน้า” ผมขอเชิญพระราโชวาท มากล่าวย้ำอีกครั้ง เพื่อให้เด็กและเยาวชนไทย ได้น้อมนำไปสู่การปฏิบัติในชีวิต ที่เต็มไปด้วยการเรียนรู้ และประสบการณ์ใหม่ๆ อย่างไม่มีวันจบสิ้น แต่ผู้ที่จะประสบความสำเร็จ สามารถจะเอาชนะอุปสรรคได้ ต้องประกอบด้วย “ความรู้ ความดี และมีวินัย” นะครับ
ผมขอยกตัวอย่าง “ความสำเร็จ” ของเยาวชนไทย ที่สามารถคว้าแชมป์แกะสลักน้ำแข็งจากหิมะนานาชาติ ประจำปี 2562 ที่ประเทศจีน ติดต่อกันเป็นปีที่ 10 แล้วนะครับ ซึ่งก็เป็นผลงานจากแรงบันดาลใจ ในเหตุการณ์ค้นหาและช่วยเหลือ 13 ชีวิต ทีมหมูป่าที่ถ้ำหลวง จ.เชียงราย ซึ่งคนทั่วโลกรู้จักเป็นอย่างดีในเวลานี้ ผมขอกล่าวรายชื่อ “ทีมวิทยาลัยสารพัดช่างตราด” เพื่อเป็นเกียรติ แก่นักเรียนอาชีวศึกษากลุ่มนี้ ได้แก่ น.ส.พรรณนิภา นามวิชัย, นายชโยทิต สุขสวัสดิ์,นายธวัชชัย สนธิพิณ และ น.ส.น้ำฝน จันทร์จรูญ โดยขอแสดงความยินดี และชื่นชม บุคคลที่อยู่เบื้องหลังชัยชนะเหนือ 54 ทีม ที่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย อย่าลืมนะครับว่า ประเทศไทยนั้นไม่มีหิมะ และการทำงานท่ามกลางอากาศหนาว ต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ต้องอาศัยทักษะหลายด้าน ความอดทน การทำงานเป็นทีม และอีกหลายอย่าง กว่าจะสามารถพิชิต 3 รางวัลสำคัญมาครองได้ นำมาฝากคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งคุณสมบัติทั้งหลายดังกล่าว เป็นพื้นฐานสำคัญของทรัพยากรมนุษย์ของชาติ ที่เราต้องการนะครับ
พี่น้องประชาชนที่รัก ครับ
วันนี้ ผมมีเรื่องดีๆ มาเล่าให้พี่น้องประชาชนได้ฟัง และมีความสุขร่วมกัน อีก 2 เรื่อง ครับ
“เรื่องแรก” เป็นการส่งเสริมการรักการอ่าน การเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเอง โดยรัฐบาลได้เปิดตัวโครงการห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาตินะครับ เป็นโครงการที่ผมต้องการที่จะยกระดับคุณภาพการศึกษารวมทั้งสนับสนุนให้คนไทยทุกคนได้ “เรียนรู้ตลอดชีวิต” ตลอดระยะเวลาที่ผมเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินสิ่งที่ผมให้ความสำคัญมากที่สุดคือ“เรื่องการศึกษา” ซึ่งเป็น 1 ใน 13 ประเด็นปฏิรูปประเทศ เนื่องจากมีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าระบบการศึกษาของชาติเรายังมีปัญหานะครับ และก็เป็นปัญหาที่มีความซับซ้อน ละเอียดอ่อน หลายเรื่องสามารถแก้ได้ทันที เช่น ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กที่ขาดครู ครูสอนไม่ตรงวิชาเอก ซึ่งผมก็ให้น้อมนำการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV) ของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาต่อยอด และสามารถแก้ปัญหาในส่วนนี้ไปได้ในระดับหนึ่ง แต่ปัญหาใหญ่ที่ต้องใช้เวลาในการแก้ไข คือ “เรื่องความเหลื่อมล้ำ” ซึ่งมีหลายมิติ เราได้พยายามแก้ไขตลอดมา บางเรื่องออกเป็นกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
อีกเรื่องหนึ่งที่ผมเห็นว่ายังมีความเหลื่อมล้ำ ก็คือในเรื่องการเข้าถึงสื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพระหว่างเด็กในเมืองและชนบท โดยเฉพาะ “เด็กชายขอบ”ในพื้นที่ห่างไกล ที่ไม่มีโอกาสได้อ่านหนังสือดีๆ ที่จะช่วยให้เขาได้พัฒนาหรือสร้างองค์ความรู้ที่หลากหลายขึ้นได้ ซึ่งเทคโนโลยีในยุคไทยแลนด์ 4.0 มีความพร้อม ที่จะสามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ โดยที่ผ่านมารัฐบาลนี้ ได้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ที่ทุกคนรู้จักในนาม “เน็ตประชารัฐ” สำหรับเป็น “ถนน” ให้กับข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ บนโลกออนไลน์ ซึ่งในวันนี้ “หนังสือคุณภาพ” ในรูปแบบที่เป็นไฟล์ดิจิทัลมีความพร้อมแล้ว ที่จะทยอยส่งเข้าสู่ระบบ สำหรับพี่น้องประชาชน เด็ก และเยาวชน “ทุกคน ทุกบ้าน” อย่างเท่าเทียมกันนะครับ ภายใต้การทำงานอย่างบูรณาการกันของกระทรวงศึกษาธิการ สำนักหอสมุดแห่งชาติ และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ในการจัดทำระบบห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ ซึ่งมีหนังสือและสื่อความรู้ต่างๆ ในรูปแบบไฟล์ดิจิทัล สามารถเผยแพร่ได้อย่างไร้ข้อจำกัดเรื่องลิขสิทธิ์รวมทั้ง “คลังสื่อการเรียนการสอน” ที่จะช่วยให้ครูสามารถนำไปใช้ในห้องเรียนได้ และหนังสือ เอกสารบำรุงความรู้ จากทุกหน่วยงานที่ได้อัพโหลดเข้าสู่ระบบ ในเบื้องต้น มีหนังสืออิเล็กทรอนิกส์จากสำนักหอสมุดแห่งชาติ เป็นข้อมูลความรู้สำหรับเยาวชนและประชาชนทั่วไป และสื่อการเรียนรู้ทั่วไปของกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงสื่ออื่นๆ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ไฟล์ภาพ –เสียง– วีดิโอที่สามารถดูได้ อ่านได้ทุกที่ทุกเวลา หากว่าระบบพัฒนาอย่างเต็มรูปแล้วคาดว่าจะมีสื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้ทุกคนได้หาสาระความรู้ ที่ไม่เป็น “มลพิษทางความคิด” นับเป็นแสน เป็นล้านเรื่องราว ในอนาคตนะครับ โดยทุกคนสามารถเข้าถึงได้ “ฟรี” จากเว็บไซต์นี้ (www.nel.go.th) นะครับ
ในปีการศึกษา 2562 นี้ กระทรวงศึกษา ธิการ จะดำเนินการจัดทำแบบเรียนอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้นักเรียนสามารถดาวน์โหลดได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อแบบเรียน นอกจากนี้จะจัดทำข้อมูลสื่อเนื้อหาอิเล็กทรอนิกส์ที่รวบรวมจากหน่วยงานต่างๆ ให้มีรูปแบบที่น่าอ่านและสืบค้นได้ โดยจะมีการจัดตั้ง“ทีมบรรณารักษ์ออนไลน์” ตรวจสอบความสมบูรณ์ก่อนนำเข้าระบบ จะมีการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานจากทุกกระทรวง และสถาบันการศึกษาต่างๆ รวมถึงจะพัฒนาให้ National e-Library นี้ ให้เป็นระบบ e-Learning เพื่อพัฒนาศักยภาพของนักเรียนและครู ให้สอดคล้องกับนโยบาย Digital Thailand ต่อไป ทั้งนี้ โครงการห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการใน “วันเด็กแห่งชาติ”วันเสาร์ที่ 12 มกราคม 2562 นี้ ณ กระทรวงศึกษาธิการ โดยจะเป็นของขวัญจากรัฐบาล สำหรับอนาคตของชาติทุกคน จึงขอเชิญชวนลูกๆ หลานๆ เด็กนักเรียนทุกคนได้สัมผัสถึงการเรียนรู้รูปแบบใหม่ที่สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา เหมือนกับการย่อโลกไว้ในมือเรา นะครับ
ในปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้มอบของขวัญวันเด็กแห่งชาติ คือ รายการวิทยุเพื่อครอบครัว FM 105 MHz ซึ่งจะมีรายการที่ผลิตเพื่อเด็กโดยเฉพาะ สำหรับช่วงวัยต่างๆ รวมทั้งรายการสำหรับทุกคนในครอบครัว ที่ก็มีความคืบหน้าในการผลิตรายการไปมากนะครับ และก็อยากจะเชิญชวนให้พ่อแม่ ผู้ปกครองที่ขับรถไปรับ-ส่งบุตรหลานช่วงเช้าและเย็น ได้เปิดให้ลูกหลานได้ฟัง ได้ซักถาม ได้ขยายความ เพื่อจะสร้างความเข้าใจ กระชับความผูกพัน และเพิ่มพูนความรู้ โดยไม่ปล่อยเวลาเดินทางให้สูญเปล่า รวมทั้ง รถโรงเรียน รถรับส่งนักเรียน และเสียงตามสายในโรงเรียน ด้วยนะครับ จะได้ช่วยส่งเสริมสติปัญญา พัฒนาความคิดของเด็กและเยาวชน ทำให้รู้เท่าทันกับสภาพแวดล้อมในสังคมปัจจุบัน อาทิ “วันทำงาน” วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ ช่วงเวลา 6 ถึง 7 โมงเช้ารายการ “โฮมเฮฮา” ที่มีเนื้อหาเน้นการสร้างการเรียนรู้และลับสมอง เพิ่มจินตนาการผ่านเรื่องรอบตัว รวมถึงส่งเสริมการกล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม ดำเนินรายการโดยพี่น้ำเย็น และพี่ปลาฉลาม สำหรับช่วงเย็น บ่าย 4 ถึง 5 โมงก็มีรายการ “โฮม คิด สิ” ที่เน้นการกระตุ้นให้เด็กคิดและวิเคราะห์แบบง่าย ๆ การมีวินัย การแบ่งปัน และการมีส่วนร่วมของครอบครัว ด้วยการเชื่อมโยงความรู้และประเด็นต่างๆ จากเกมส์ นิทาน หรือเพลงดำเนินรายการโดยพี่วาฬ และพี่เหลือม ต่อมาช่วง 5 โมง จนถึง 6 โมงเย็น เป็นรายการ On the way home ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ และการแบ่งปันประสบการณ์ ผ่านหนังสือดีๆ ผ่านการสัมภาษณ์แขกรับเชิญ หรือคุยกับคุณหมอนักอ่าน เป็นต้น
สำหรับ “วันหยุด” เสาร์ อาทิตย์ รายละเอียดตามหน้าจอนะครับ อาทิ รายการ “วิถีคิด” สำหรับทุกคนในครอบครัว เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจในกฎธรรมชาติกับชีวิตมนุษย์ ผ่านปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน รายการ “Home” เป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เรื่องการดูแลรักษาและซ่อมบ้าน รายการ “Morning Magazine” เป็นการเล่าข่าวของเด็กและเยาวชน และรายการ “วิตามินใจ” สำหรับทุกๆ คนนะครับ ซึ่งจะเป็นสาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ ก็ขอแนะนำให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ในการใช้เวลาร่วมกันในครอบครัว อย่างมีคุณค่า
พี่น้องประชาชน ครับ
“เรื่องที่ 2” เป็นข่าวดีของคนไทยและประเทศไทย ต้อนรับปีใหม่นี้ ก็คือกรรมาธิการยุโรปด้านสิ่งแวดล้อม กิจการทางทะเลและประมง ได้ประกาศแถลงการณ์ปลดใบเหลืองประมง IUU ของประเทศไทยแล้ว ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถือเป็นความสำเร็จของทุกภาคส่วน ที่ได้เหน็ดเหนื่อยในการร่วมกันแก้ไขปัญหามาโดยตลอด นับตั้งแต่เมื่อปี 2558 เป็นต้นมา ทั้งปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม หรือ IUU จนเป็นรูปธรรม ทั้งในด้านกรอบกฎหมาย การบริหารจัดการประมง การบริหารจัดการกองเรือ การติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวัง การตรวจสอบย้อนกลับ และการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งทำให้ไทยสามารถแสดงบทบาทและความรับผิดชอบ ทั้งในฐานะรัฐเจ้าของธง รัฐชายฝั่ง รัฐเจ้าของท่า และรัฐตลาด ในระดับสากล จนทำให้มีการ “ปลดใบเหลือง” ให้กับไทยในที่สุดนะครับ
นับเป็นความสำเร็จของคนไทย ของประเทศไทย ในการยกระดับการทำประมงเชิงพาณิชย์ ไปสู่มาตรฐานสากล และพร้อมที่จะเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือกับสหภาพยุโรป ในการส่งเสริมการประมงอย่างยั่งยืน โดยทั้งฝ่ายไทยและ EU ได้เห็นชอบร่วมกัน เกี่ยวกับแผนงานความร่วมมือในอนาคต เพื่อให้ไทยบรรลุการเป็น “ประเทศปลอดประมง IUU” หรือ IUU-ฟรี ได้โดยสมบูรณ์ ทั้งนี้ ด้วยประสบการณ์การแก้ไขปัญหาการทำประมง IUU ที่ไทยสั่งสมมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา จนประสบความสำเร็จ ก็พร้อมที่จะร่วมแบ่งปันและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับประเทศอื่นๆ ที่ประสบปัญหาเดียวกัน EU จึงยกให้ไทยเป็น “ผู้นำของอาเซียน” ในการแก้ไขปัญหาการทำประมง IUU โดยจะมีการส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาคของอาเซียน ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว “ร่วมกัน” ด้วยการจัดตั้งคณะทำงานไทย-สหภาพยุโรป เรื่องการต่อต้านการทำประมง IUU เพื่อจะเป็นกลไกร่วมมือในการส่งเสริมการประมงอย่างยั่งยืน ซึ่งในปีนี้ ประเทศไทยในฐานะ“ประธานอาเซียน” สามารถแสดงบทบาทสำคัญ ในการนำพาประเทศเพื่อนบ้านของไทย เข้าสู่ “การปฏิรูปภาคการประมง” ในลักษณะเดียวกัน โดยผลักดันการจัดทำนโยบายประมงอาเซียน ให้มีผลเป็นรูปธรรมพร้อมทั้งการจัดตั้งคณะทำงานร่วมอาเซียน เพื่อป้องกันและปราบปรามการทำประมงผิดกฎหมาย หรือ ASEAN IUU Task Force สำหรับเป็นกลไกการป้องกันการทำประมง IUU ของภูมิภาค อีกด้วยนะครับ
อีกประเด็น ที่เราไม่อาจมองข้ามไปได้ คือ การแก้ไขปัญหาแรงงานภาคประมง ซึ่งรัฐบาลไทย ให้ความสำคัญควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาการทำประมงIUU มาโดยตลอด และได้ดำเนินมาตรการต่างๆ ในหลายด้าน เพื่อคุ้มครองแรงงานในภาคประมง จนกล่าวได้ว่า ขณะนี้สถานการณ์แรงงานในภาคประมงของไทย“ดีขึ้น” กว่าเมื่อ 4 ปีที่แล้วมาก สะท้อนได้จากรายงาน ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ที่เกี่ยวข้อง โดยไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชีย ที่ได้ยื่นสัตยาบันพิธีสารภายใต้อนุสัญญา ILO ว่าด้วยแรงงานบังคับ เมื่อปีที่ผ่านมา และจะยื่นสัตยาบันอนุสัญญา ILO ว่าด้วยการทำงานในภาคประมง ในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้ ซึ่งจะเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย ดังนั้น ผมจึงขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลไทยจะดูแลแรงงานที่ทำงานอยู่บนเรือประมง อย่างเต็มที่ เพื่อให้การประมงของไทยเป็นไปอย่างมีจริยธรรม และสอดคล้องกับหลักการของสหประชาชาติ ในเรื่องธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนนะครับ
ในโอกาสนี้ ผมขอขอบคุณผู้มีส่วนร่วม “ทุกภาคส่วน” ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี และขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ในการทำงาน เพื่อให้ไทยสามารถรักษามาตรฐานสากลนี้ได้ ในระยะต่อ ๆ ไปด้วย ณ วันนี้ เราได้ปฏิรูปภาคประมงของไทย จนเปลี่ยนรูปโฉมไปอย่างสิ้นเชิงแล้วจากในอดีต เราได้ก้าวข้ามความท้าทาย มาถึงจุดที่สามารถกล่าวได้อย่างเต็มภาคภูมิว่า ไทยในฐานะผู้ผลิตและส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่ อันดับ 4 ของโลก ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ “สมุทราภิบาลโลก” แล้ว เราพร้อมที่จะร่วมรับผิดชอบกับประชาคมโลก ในการรักษาทรัพยากรทางทะเล และการทำประมงตามหลักสากล จากนี้ไป เรายังคงต้องเดินหน้าในเรื่องการบริหารจัดการประมง และการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง เพื่อขจัดปัญหาการทำประมง IUU ให้หมดสิ้นไป และเพื่อรักษาความยั่งยืนของทรัพยากรสัตว์น้ำของประเทศไว้ให้ลูกหลานอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม งานของเรายังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ สิ่งที่เรายังต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และควบคู่กันไป ได้แก่ การป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ รวมถึงการใช้แรงงานเด็กในภาคประมงให้ได้อย่างแท้จริงโดยเร็ว อีกทั้ง ยังปรากฏรายงานว่า มีคนไทย – เรือประมงไทย เข้าไปเกี่ยวข้องกับการลักลอบทำประมงผิดกฎหมายในต่างประเทศ โดยเฉพาะน่านน้ำประเทศแถบทวีปแอฟริกา ไม่ว่าจะชักธงชาติไทย หรือธงต่างชาติ หากมีพฤติกรรมการทำประมงผิดกฎหมาย หรือการใช้แรงงานที่ผิดกฎหมายอยู่ รัฐบาลก็ไม่อาจละเลยที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย เนื่องจาก การแสวงผลประโยชน์ส่วนบุคคล กลับทำลายความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ของชาวโลก ต่อสินค้าประมงไทย ทั้งทางตรงและทางอ้อม และจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการประมงไทย ประมงพาณิชย์ และพี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน ในภาพรวมด้วยนะครับ ขอขอบคุณพี่น้องชาวประมงของประเทศไทยทั้งหมดนะครับ ทุกคนมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหานี้นะครับ อย่างไรก็ตามรัฐบาลก็จำเป็นต้องหามาตรการที่เหมาะสม ในการที่จะดูแล ในการเพิ่มรายได้ หรือในการแก้ปัญหาที่มีผลกระทบกับแรงงานชาวประมง หรือผู้ประกอบ การธุรกิจการประมงอีกด้วยนะครับ
พี่น้องประชาชนที่รัก ทุกท่าน ครับ
ผมอยากจะบอกว่า “ฟ้าหลังฝน ย่อมสดใสเสมอ” ตราบเท่าที่เรามีความหวังและกำลังใจ ไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรค “พายุปาบึก” ผ่านไป ทิ้งความเสียหายไว้มากมาย แต่ก็เป็นเพียงความเสียหายทางกายภาพ ทรัพย์สิน บ้านเรือน เสาไฟฟ้า สาธารณูปโภคต่างๆ สิ่งสำคัญที่เรารักษาไว้ได้ คือ ชีวิตจิตใจของพี่น้องผู้ประสบภัย ให้ทุกคนในครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันในพื้นที่ๆ ปลอดภัย เพื่อให้สามารถกลับไปฟื้นฟู ซ่อมสร้างบ้านเรือน แล้วกลับมาสู่ชีวิตที่เป็นปกติสุขโดยเร็วที่สุด ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่และจิตอาสา ทุกคน ทุกฝ่าย ที่ช่วยกันดูแลผู้ประสบภัยด้วยความทุ่มเท เสียสละ และเข้มแข็ง รวมทั้งขอบคุณทุกกำลังใจ ที่แจ้งความประสงค์บริจาคเงินช่วยเหลือพี่น้องชาวใต้ ที่ประสบภัยในครั้งนี้ กว่า 130 ล้านบาท
ในวันนี้ ผมขอฝากบทเพลง “ในความทรงจำ” ในช่วงท้ายของรายการ เพื่อเป็นสิ่งย้ำเตือนจิตใจของคนไทยทุกคน ว่าเราต่างก็ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านอุปสรรคขวากหนามมาด้วยกัน เราจงอย่าให้ความทุกข์ร้อนเหล่านั้นสูญเปล่า แต่ต้องจดจำเป็นบทเรียน พร้อมกับตรึกตรองดูให้ดี ว่าอะไรถูกอะไรผิด และจะทำอย่างไร เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิมนะครับ
สุดท้ายนี้... ผมขอเชิญชวนลูกๆ หลานๆ มาร่วมงาน “วันเด็กแห่งชาติ” วันพรุ่งนี้ ณ ทำเนียบรัฐบาล จะได้เห็นห้องทำงานนายกรัฐมนตรีของประเทศ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ ที่มีความฝันว่าจะได้ทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน รอบๆ ตึกไทยคู่ฟ้า ก็จะมีกิจกรรมสนุกๆ และของรางวัลมากมาย เหมือนเช่นทุกปีอีกด้วยนะครับ นอกจากทำเนียบรัฐบาลแล้ว ก็ยังมีสถานที่ราชการอีกหลายแห่ง ที่ได้จัดงานวันเด็กเช่นกัน ให้ลองแวะเวียนไปเยี่ยมชม ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงศึกษาธิการ กรมประชาสัมพันธ์ และศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่มีกิจกรรมสอนเด็กให้ใช้เงินให้เป็นด้วย ซึ่งผมหวังว่าเด็กๆ จะได้รับความรู้ผ่านกิจกรรมสนุกๆ และเพลิดเพลินกับการแสดงบนเวที พร้อมของรางวัลมากมาย นอกจากนี้ ยังมีสถานที่จัดงานที่น่าสนใจอื่นๆ อีกหลายแห่ง ทั่วกรุงเทพมหานคร เช่น พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานคร(จตุจักร) หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร พิพิธภัณฑ์สภากาชาดไทย ท้องฟ้าจำลอง เป็นต้น
สำหรับปริมณฑล ได้แก่ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร และพิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ จังหวัดปทุมธานี ศูนย์ราชการนนทบุรี เทศบาลตำบลเชียงรากน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นต้น ก็ขอให้ดูแลลูกหลานในการเดินทาง การเที่ยวชมงาน ระมัดระวังอุบัติเหตุเพราะจะมีผู้คนสัญจรจำนวนมากนะครับ ระวังเด็กพลัดหลงด้วย กรุณาเขียนชื่อ เขียนที่อยู่ เขียนเบอร์โทรศัพท์ ใส่กระเป๋าเด็กไว้ด้วยนะครับ เพื่อจะได้ติดตามให้ได้นะครับ โดยเร็ว หรือให้เด็กท่องจำ ซักซ้อมให้ดีก่อนออกจากบ้านนะครับ เราต้องช่วยกันเป็นหู เป็นตา ดูแลเด็กๆ ของเราให้ปลอดภัย ทุกคน อย่าลืมลดใช้ถุงพลาสติก และสอนลูกหลานให้ดูแลความสะอาด ไม่ทิ้งขยะนอกที่รองรับ เป็นภาระคนอื่นด้วย นะครับ
ขอบคุณนะครับ ขอให้ทุกคนมีความสุข ใช้เวลาร่วมกันในช่วง “วันเด็ก” และวันหยุดสุดสัปดาห์อย่างมีคุณค่า สำหรับทุกคนในครอบครัวนะครับ สวัสดีครับ
ชมรายการย้อนหลังผ่านยูทูป ช่องวีดีโอ chorsaard